ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายทหารสังกัดฐานทัพเรือสัตหีบแห่กราบไหว้และร่วมงานฉลองศาลเจ้าพ่อเขาช้างประจำปี 2551 เชื่อเจ้าพ่อเขาช้างมีปาฏิหาริย์ให้โชคลาภสำเร็จตามคำอธิษฐาน
วันนี้ (22 ส.ค.) นาวาเอกธีร์ อุปนิสากร ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ได้มอบหมายให้ นาวาเอกวิรัตน์ สมจิตร รองผู้บังคับการเป็นประธานในพิธีจัดงานฉลองศาลเจ้าพ่อเขาช้าง และมีการจัดการแข่งขันกีฬา ตะกร้อ เปตอง และการละเล่นต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการทหารและครอบครัว ได้มีโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์กันให้เกิดความรักใคร่ สามัคคีทุกหมู่เหล่าและเกิดความกลมเกลียวในหมู่ทหาร ซึ่งมีนักกีฬาจากหน่วยต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขันเป็นประเพณีเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองประจำปีเจ้าพ่อเขาช้าง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพื้นที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ โดยมีนายทหาร และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก
สำหรับความเป็นมาของเจ้าพ่อเขาช้างเมื่อปี 2505 ได้มีนายทหารหลายนาย พร้อมครอบครัว ได้ร่วมเดินขึ้นไปบริเวณเชิงเขาช้าง ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของศูนย์ฝึกทหารใหม่เป็นเขตติดต่อกับโรงเรียนชุมพลทหารเรือ เพื่อขึ้นไปหาหน่อไม้มาทำอาหารรับประทานกัน ขณะที่นั่งพักเหนื่อยอยู่เชิงภูเขาที่มีรูปร่างคล้ายตัวช้าง
ปรากฏว่า เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้นได้มีวิญญาณเข้าสิงสู่ร่างของเรือโทโมฬี เหล่าธนาวิน แสดงอาการเหมือนผู้ทรงอำนาจ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้สอบถามดวงวิญญาณที่สิงสู่ว่าเป็นใครและได้รับคำตอบว่าเป็น “เจ้ามหานิล” แต่ข้าราชการและครอบครัว เห็นว่าเป็นดวงวิญญาณที่สถิตอยู่ที่ภูเขารูปร่างคล้ายตัวช้างจึงได้เรียกกันว่า “เจ้าพ่อเขาช้าง” หรือท้าวมหานิล
ต่อมาเรื่องนี้ได้แพร่สะพัดไปถึงหูผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ ทหาร ครอบครัว อย่างแพร่หลายด้วยความศรัทธาต่อท้าวมหานิล เรือโทโมฬี พร้อมเพื่อนนายทหารประกอบด้วย เรือโทกฤษณะชัย ศิริเลิศ และเรือเอก ถวิล นารถอุดม และครอบครัวได้พากันปลูกสร้างศาลขนาดเล็กจำนวน 1 หลังหน้าต้นเลียบ เมื่อศาลเสร็จได้มีข้าราชการทหาร และประชาชนที่ทราบข่าวเข้ามากราบไหว้สักการะขอพรกันเป็นจำนวนมาก
จนมีกระแสข่าวว่า มีคนถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล และหวยใต้ดินหลายงวดติดต่อกัน จนเป็นสาเหตุให้เจ้ามือหวยเถื่อนไม่พอใจ ได้เข้ามาในค่ายทหารเผาศาลจนไหม้เสียหายมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงได้สร้างศาลถวายใหม่อีก 1 หลัง ซึ่งใหญ่กว่าศาลเดิม ปัจจุบันมีประชาชนนำเงินมาบริจาคกันเป็นจำนวนมาก คณะผู้ดำเนินงานจึงได้นำรายได้ที่เหลือไปถวายสร้างเมรุถวายวัดบางเสร่คงคาราม เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์ของพุทธศาสนาต่อไป