ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “แม่และยาย” ร่ำไห้เปิดนาทีสลด! 2 ร็อตไวเลอร์โหด รุมขย้ำกัดฟัด “น้องดีน่า” ลูกสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน เสียชีวิตต่อหน้า แม้ทั้ง 2 พยายามเข้าช่วยอย่างสุดชีวิต แต่ทำอะไรไม่ได้ เผยตัวหนึ่งยืนเฝ้าระวัง เพื่อให้อีกตัวกัดแทะกินเหยื่อให้หมด ด้านแม่ยาย ระบุ ทั้งครอบครัวหวาดผวาหมาจอมโหด ต้องระมัดระวังมาตลอด และเคยวิ่งชนลูกสาวขณะตั้งท้อง “น้องดีน่า” จนล้มทั้งยืนมาแล้ว อีกทั้งเพื่อนลูกเขยชาวฮอลแลนด์เคยเตือนให้หยุดเลี้ยง แต่ด้วยเหตุจำเป็นโจรชุกชุมและลูกเขย ไปทำงานต่างประเทศเป็นประจำต้องพึ่ง สุนัขพันธุ์โคตรโหดคอยเฝ้าบ้านตอนกลางคืน ล่าสุด นำศพ “น้องดีน่า” ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดสุทธจินดา 5 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกิดเหตุสลด สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ 2 ตัวรุมกัด ด.ญ.ร่มเกล้า แบร์นาดัส พลู หรือ “น้องดีน่า” วัย 1 ขวบ 7 เดือน เสียชีวิตเมื่อคืนนี้ เวลาประมาณ 01.00 น.ในบ้านเลขที่ 447/8 ถ.พายัพทิศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา นั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นางจินตนา แบร์นาดัส พลู อายุ 34 ปี แม่ของ น้องดีน่า พร้อมญาติพี่น้อง ได้เดินทางมารอรับศพที่บริเวณห้องดับจิต ภายในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่ง นางจินตนา ได้นั่งกอดตุ๊กตาหมีของลูกสาวที่เสียชีวิต และร้องไห้อยู่ตลอดเวลา
นางจินตนา แบร์นาดัส พลู เปิดเผยว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับ นาย เบน แบร์นาดัส พลู สามีชาวฮอลแลนด์ มาร่วม 8 ปี มีบุตรสาวด้วยกัน 2 คน คือ “น้องพลอย” ด.ญ.นวรัตน์ แบร์นาดัส พลู อายุ 8 ขวบ และ “น้องดีน่า” หรือ ด.ญ.ร่มเกล้า แบร์นาดัส พลู อายุ 1 ขวบ 7 เดือน สามีจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศฮอลแลนด์เป็นประจำ จึงซื้อสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์มาเลี้ยงไว้จำนวน 5 ตัว เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่กัดกันตายไป 2 ตัว เหลือ 3 ตัว เพศผู้ 2 ตัว คือ “ชาร์โด้” กับ “บูเล็ต” และ เพศเมียอีก 1 ตัว คือ “บริทนีย์” เพื่อป้องกันขโมย ที่แอบเข้ามาลักทรัพย์ในบ้านบ่อยครั้ง จึงปล่อยสุนัขออกมานอกกรง เพื่อคอยเฝ้าบ้านป้องกันขโมยในช่วงเวลากลางคืน ทุกคืน
“บริทนีย์” ร็อตไวเลอร์เพศเมีย นั้นไม่มีนิสัยดุร้าย เชื่อง เพราะได้รับการฝึกมาแล้ว และเล่นกับลูกสาวคนโต คือ “น้องพลอย” หรือ ด.ญ.นวรัตน์ แบร์นาดัส พลู อายุ 8 ปี อยู่เป็นประจำ
แต่ ร็อตไวเลอร์ ตัวผู้ 2 ตัว คือ “ชาร์โด้” และ “บูเล็ต” นั้นมีนิสัยดุร้าย ไม่ชอบเด็ก บอกไม่ค่อยเชื่อฟัง ตนก็ระวังไม่ให้ลูกเข้าไปใกล้กรงที่ขังอยู่ และช่วงกลางคืนที่ปล่อยสุนัขออกจากกรง ก็จะให้ลูกเข้าอยู่แต่ในบ้าน ล็อกประตูบ้านไว้ ซึ่งที่ผ่านมาสุนัข 2 ตัวนี้ ไม่เคยกัดคน มีแต่ไล่กัดสุนัขด้วยกันเอง ส่วนอาหารก็ให้อาหารเหมือนสุนัขทั่วไป คือ อาหารเม็ด และ ต้มซี่โครงไก่คลุกกับข้าวให้กิน ที่ผ่านมา ก็ไม่เคยตี มีเพียงแค่ดุด่าให้เชื่อฟังเท่านั้น
นางจินตนา กล่าวต่อว่า ในวันเกิดเหตุก็ดูแลลูกดีตลอด หลังจากตนพาลูกสาวคนเล็กไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนข้างนอก กลับเข้ามาบ้านประมาณ 01.00 น.ขณะปิดประตูบ้านก็เพียงแค่วางลูกไว้ข้างตัว เพื่อจะเอื้อมมือไปปิดประตูเท่านั้น
ทันใดนั้น ร็อตไวเลอร์เพศผู้ทั้ง 2 ตัว ก็วิ่งกรูเข้ามากระชากร่าง น้องดีน่า ไปกัดฟัดอย่างบ้าคลั่ง ตนพยายามเข้าไปช่วยลูก โดยต่อสู้กัดกับสุนัขอย่างสุดชีวิต และถูกกัดได้รับบาดเจ็บหลายแห่งด้วย แต่แย่งได้แค่เสื้อผ้าลูก ส่วนร่างลูกสาวถูกสุนัขกัดไม่ปล่อย และลากไปกัดฟัดอยู่ที่หลังบ้าน
“ขณะที่ ชาร์โด้ กำลังกัดฟัดร่างลูกสาวอยู่นั้น เจ้าบูเล็ต ก็จะคอยเฝ้าระวังรอบๆ ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้ เพื่อจะให้เจ้าชาร์โด้กัดแทะกินเหยื่อให้หมด เห็นสภาพลูกตอนนั้นสงสารมาก เลือดท่วมไปทั้งตัว และเขาแน่นิ่งไปแล้ว” นางจินตนา กล่าวทั้งน้ำตา
ส่วนยาย คือ นางสมทรง พันธ์วิเศษ ได้เข้ามาช่วยอีกคนจนสามารถนำร่างของน้องดีน่าออกมาได้ แต่ถูกสุนัขกัดได้รับบาดเจ็บแผลเหวอะหวะ ทั้งบริเวณศีรษะ ใบหน้า ลำคอ และตามร่างกาย เสียชีวิตแล้ว
นางจินตนา กล่าวอีกว่า จะนำศพน้องดีน่า ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 4 วัดสุทธจินดา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อรอพ่อซึ่งกำลังเดินทางมาจากประเทศฮอลแลนด์ และจะปรึกษาในรายละเอียดกันอีกครั้ง
สำหรับสุนัขร็อตไวเลอร์ ทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะ 2 ตัวที่ก่อเหตุ เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งอาจจะบริจาคให้กับศูนย์ฝึกสุนัขทหารนำไปเลี้ยงฝึกใช้ประโยชน์ แต่คงไม่ฆ่าทิ้ง เพราะเข้าใจดีว่าทุกชีวิตย่อมรักหวงแหนชีวิตของตัวเอง ส่วน “บริทนีย์” สุนัขร็อตไวเลอร์เพศเมีย จะเลี้ยงเก็บไว้ แต่ทั้งหมดต้องรอการเดินทางกลับมาของสามีเสียก่อน
ทางด้าน นางสมทรง พันธ์วิเศษ อายุ 59 ปี ยายของ “น้องดีน่า” เล่าให้ฟังว่า ปกติจะนอนพักอยู่ที่บ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แต่เมื่อคืนนี้มานอนเป็นเพื่อนหลาน คือ น้องพลอย เนื่องจากลูกสาว คือ นางจินตนา และ น้องดีน่า ไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อน และกลับดึก ช่วงเย็นตนก็นำอาหารไปให้และปล่อยสุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์ที่ขังอยู่ในกรงออกมาวิ่งเล่นเพื่อเฝ้าบ้าน จากนั้นก็กลับขึ้นไปนอนบนชั้น 2 กับ หลาน
จนเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.เมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) ได้ยินเสียงลูกสาวตะโกนร้องให้ช่วยเหลือ ก็วิ่งลงมาดู เห็น เจ้าชาร์โด้ มันกำลังกัดแทะร่างของน้องดีน่าอยู่บริเวณหลังบ้าน ขณะเดียวกันเจ้าบูเล็ค ก็เฝ้าระวังให้อยู่ข้างๆ ตนก็เข้าไปไล่และแย่งหลานออกมา ใช้เวลานานพอสมควร เห็นสภาพหลานสาวแล้วคิดว่าเขาคงไม่รอดแน่ เพราะถูกกัดตรงลำคอ ศีรษะ และลำตัวหลายแห่ง และเด็กก็นิ่งไม่หายใจแล้ว ตนจึงเอาผ้ามาห่อร่างหลานไว้ จากนั้นก็เอาหมาเข้าไปขังไว้ในกรง
“ก่อนหน้านี้ เคยเตือนลูกสาวแล้วว่าระวังหมาจะกัดลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ และหมาพวกนี้นิสัยดุร้าย เพื่อนของลูกเขยที่เป็นชาวฮอลแลนด์มาเยี่ยมบ้านก็เคยเตือน แต่เนื่องจากแถวบ้านบริเวณรอบๆ เป็นชุมชนสลัม และมีขโมยขึ้นบ้านบ่อย บางทีก็การปล้นจี้กันบ่อยในซอยนี้ ลูกเขยก็ไปหาซื้อหมาพันธุ์นี้มาเลี้ยงไว้เพื่อให้มันช่วยเฝ้าบ้าน ก็กันขโมยได้ดี และอีกอย่างในบ้านก็อยู่กันแต่ แม่ลูก ส่วนลูกเขยจะเดินทางไปมาตลอด เพราะต้องทำงานอยู่ที่ประเทศฮอลแลนด์ ล่าสุด เพิ่งกลับไปเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมานี่เอง” นางสมทรง กล่าว
นางสมทรง กล่าวอีกว่า เวลาจะเข้ามาบ้านลูกสาว ต้องบอกให้เขาเอาหมาร็อตไวเลอร์ทุกตัวเข้ากรงไว้ก่อน มิฉะนั้น จะไม่ลงจากรถเด็ดขาด เพราะกลัวมันจะวิ่งเข้ามากัด เมื่อตอนที่ลูกสาวท้องน้องดีน่า เจ้าชาร์โด้ ก็เคยวิ่งเข้าใส่จนลูกสาวล้มลงคิดว่าคงแท้งแต่ยังโชคดี และมันก็ไม่ได้เข้ามากัดหรือ ทำร้าย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ หลานสาวซึ่งเขาเป็นเด็กที่น่ารัก ฉลาด และอยู่ในวัยซน ยังไม่รู้เรื่องอะไร ต้องโชคร้ายมาถูกหมาซึ่งตัวเองเลี้ยงไว้กัดจนตายแบบนี้
“จากนี้ไปคงจะไม่เลี้ยงหมา 2 ตัวนี้ไว้ แต่จะไม่ฆ่ามัน เพราะทุกชีวิตก็รักชีวิตของตัวเองทั้งนั้น ถ้าจะมอบให้คนอื่นไปเลี้ยงก็คงไม่ให้ เพราะหมา 2 ตัวนี้อาจจะไปทำร้ายคนอื่นถึงแก่ชีวิตเหมือนหลานสาวได้ ส่วนจะจัดการอย่างไรก็คงจะต้องรอ นายเบน พ่อของน้องดีน่า ตัดสินใจอีกที” นางสมทรง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. นางจินตนา แบร์นาดัส พลู ผู้เป็นแม่และญาติพี่น้อง นำศพ “น้องดีน่า” ไปตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่ศาลา 4 วัดสุทธจินดา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เบื้องต้นจะตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ 5 วัน เพื่อรอบิดา “น้องดีน่า” และญาติพี่น้อง โดยกำหนดรดน้ำศพ ในเวลา 16.00 น.วันเดียวกันนี้ (14 ส.ค.) ก่อนทำพิธีฌาปนกิจในวันที่ 18 ส.ค.นี้
ส่วนบรรยากาศที่บ้านของ นางจินตนา เลขที่ 447/8 ถ.พายัพทิศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น อยู่บนเนื้อที่ 300 ตารางวา สร้างกำแพงรั้วสูงรอบบ้านอย่างมิดชิด เป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงเพื่อนบ้านใกล้เคียงเดินมาดูบริเวณหน้าบ้านเป็นระยะๆ ท่ามกลางความรู้สึกที่ยังหวาดกลัวสุนัขกันอยู่ ซึ่งสุนัขร็อตไวเลอร์ทั้ง 3 ตัว ถูกขังไว้ในกรงเหล็กอย่างแน่นหนา และยังแสดงอาการดุร้ายอยู่ตลอดเวลา
เพื่อนบ้านรายหนึ่ง กล่าวว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ออกมาจากในบ้านหลังที่เกิดเหตุ แต่เข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ เนื่องจากไม่มีใครสามารถเข้าไปภายในบ้านที่สร้างกำแพงรั้วเหล็กสูงรอบบ้านอย่างมิดชิดได้
