ศูนย์เชียงใหม่- “ตั้งวิฑูรธรรม” ตระกูลนักธุรกิจค้าพลอยและโรงแรมย่านสีลม กระโดดข้ามห้วย ทำไร่องุ่นผลิตไวน์ ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ภายใต้ยี่ห้อ “แม่จันไวน์เนอรี่” ตั้งเป้าแต่ละปีผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นขวด พร้อมเตรียมพัฒนาพื้นที่กว่า 1 พันไร่เป็นโรงงานผลิตภัณฑ์ภายใต้การบริหารของกลุ่ม เผยเตรียมแผนดึงนักท่องเที่ยวเข้าพักดอยห่มฟ้ารีสอร์ทแอนด์สปา เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเครือให้เป็นที่รู้จักโดยเน้นกลุ่มคนไทยเป็นหลัก
นางสาวนันทรัตน์ ตั้งวิฑูรธรรม กรรมการผู้จัดการโรงแรมซัฟฟายเทล ย่านสีลม และดอยห่มฟ้า รีสอร์ทแอนด์สปา ที่อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงธุรกิจในเครือว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 บริษัท คือ 1.บริษัท คัลเลอร์คิง ที่ดูแลในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับพลอยทั้งหมด ซึ่งถือเป็นธุรกิจดั้งเดิม โดยวัตถุดิบส่วนใหญ่จะนำมาจากจังหวัดกาญจนบุรีและจันทบุรี และบางส่วนก็นำเข้าจากต่างประเทศ จากนั้นจะนำวัตถุดิบส่งไปเจียระไนที่ อ.แม่จัน
2.บริษัท แม่จันไวน์เนอรี่ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ โดยมีแหล่งปลูกองุ่นและผลิตไวน์ อยู่ที่อ.แม่จัน เช่นเดียวกัน และ3.บริษัทซัฟฟายเทล เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว อยู่ย่านสีลมกรุงเทพฯ
นางสาวนันทรัตน์ กล่าวอีกว่า แม้บริษัทแม่ทั้ง 3 แห่ง จะอยู่ที่ส่วนกลางแต่แหล่งผลิตของทั้ง 2 บริษัท คือไวน์และพลอย จะอยู่ที่ อ.แม่จัน ดอยห่มฟ้าเพียงที่เดียว โดยมีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 1,300 ไร่ พัฒนาแล้วเพียง 300 ไร่ ซึ่งจัดสรรออกเป็น 5 ส่วน คือ ทำโรงงานผลิตไวน์ โรงบ่มใบชาอู่หลงโรงงานเจียระไนพลอย ส่วนของดอยห่มฟ้า รีสอร์ท แอนด์สปา ที่มีอยู่ 23 วิลลา และส่วนกิจกรรมของนักท่องเที่ยว เช่น พายเรือและตกปลา เป็นต้น
ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีกเกือบ 1 ,000 ไร่ คาดว่า ในอนาคตจะมีการปรับและพัฒนาพื้นที่ให้มีความสอดคล้องกับส่วนต่างๆ ของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาให้เป็นไร่องุ่น หรือแม้แต่การเพิ่มโรงบ่มชา และโรงเจียระไนพลอย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดในอนาคต
“ขณะนี้เราเน้นหนักในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นหลักไม่ว่าจะเป็นไวน์ หรือชาเนื่องจากตลาดเริ่มรู้จักผลิตภัณฑ์ของเรามากขึ้น”นางสาวนันทรัตน์ กล่าว
นางสาวนันทรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เน้นการทำตลาดในทุกๆ ด้านมากขึ้น เช่น กำลังการผลิตของแม่จันไวน์เนอรี่ ในแต่ละปีสามารถผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 10 ตันหรือปีละประมาณ 4-5 หมื่นขวดสำหรับราคาขายของไวน์พรีเมียม อยู่ประมาณ 1,200-1,500 บาท และเริ่มเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคโรงแรมระดับ 5 ดาว ทั้งที่กทม.และภูเก็ตเริ่มสั่งไปจำหน่าย เช่น โรงแรมสุโขทัย โรงแรมแมริออท เป็นต้น นอกจากนี้ยังส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศด้วย เช่น มาเลเซีย ฮ่องกง และนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทั่ว ๆ ไป แต่เป้าหมายสำคัญที่ต้องเข้าไปทำตลาดให้ได้คือประเทศฝรั่งเศสเพราะถือว่าไวน์แม่จันก็ไม่ด้อยไปกว่าของต่างประเทศแต่อย่างใด
สำหรับตลาดใบชา เชื่อว่า ของแม่จันเองก็ไม่ด้อยไปกว่าชาอู่หลงของที่อื่น แต่อาจจะเด่นกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจากมีความพิถีพิถันในเรื่องกรรมวิธีการผลิต ที่มีผู้เชี่ยวชาญจากหยุนหนัน (ยูนนาน) เป็นผู้ควบคุมเองเลยทีเดียว
ด้าน การทำตลาดพลอย นางสาวนันทรัตน์ กล่าวว่า จากเดิมเคยมีประสบการณ์ทางด้านการทำตลาดพลอยทางออนไลน์มาก่อน แต่เนื่องจากการสื่อสารโดยการออนไลน์ภาพและสีต่างๆ จะเพี้ยนไปจากของจริง ทำให้ลูกค้ามักตีกลับคำสั่งซื้อ แต่ก็ติดต่อสื่อสารและทำธุรกิจกันมานาน ฉะนั้นตลาดทางด้านนี้จึงอยู่ตัวแล้ว เพียงแต่จะต้องเดินทางไปติดต่อด้วยตัวเอง เพื่อนำตัวอย่างสินค้าไปเท่านั้น ส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมด จะได้จากการส่งออกจิวเวลรี่และชาเป็นหลัก มากกว่าผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ
ในส่วนของดอยห่มฟ้ารีสอร์ทแอนด์สปา นางสาวนันทรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทำแผนการตลาดโดยที่ผ่านมาเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยเป็นหลัก โดยผ่านเอเยนต์ในประเทศ แต่ปลายปีนี้จะเน้นนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลัก โดยจะออกบูทร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทั้งนี้ จะเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และแถบยุโรป
สาเหตุที่ไม่เน้นกลุ่มลูกค้าในประเทศมากนัก เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนี้โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ค่อนข้างแพง เมื่อจัดทำแพกเกจไปแล้วราคาเมื่อเทียบกับไปฮ่องกง หรือสิงคโปร์ หรือบางประเทศแล้ว ราคาแทบจะใกล้เคียงกันเลยทีเดียว จึงคาดว่าคนไทยอาจจะไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก
“สาเหตุที่ยังไม่ได้เน้นการทำตลาดรีสอร์ต เป็นเพราะพื้นที่ทั้งหมดในส่วนของโรงบ่มชา และโรงเจียระไนพลอย ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้หากนักท่องเที่ยวเข้ามาพักแล้วจะเป็นการรบกวนมากกว่า ประกอบกับ ดอยห่มฟ้ารีสอร์ท เมื่อเข้ามาแล้ว จะต้องมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีขอบเขตที่จำกัด จึงจำเป็นต้องเจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการพักผ่อนแบบเงียบสงบจริงๆ เท่านั้น” นางสาวนันทรัตน์ กล่าว