ชาวนาพิจิตรผิดหวังกองทุนฟื้นฟูมีแต่ชวนประท้วง-แถม ธ.ก.ส.บีบ แห่ลาออกวุ่น

พิจิตร - ชาวนาเมืองวชาละวันประกาศเลิกยุ่งกองทุนฟื้นฟูฯ เผยสมัครมา 2 ปี เสียเงินไปกว่า 1 พันบาท ไม่เคยได้อะไรมีแต่ชวนไปประท้วง แถมถูก ธ.ก.ส.พิจิตร สั่งให้เลือกข้างระหว่างฝ่ายมีเงินให้กู้หรือจะอยู่ฝ่ายขอพักชำระหนี้ แต่ล่าสุดกลับหาตัว จนท.กองทุนฯไม่เจอ

นายสมนึก ขันทอง อายุ 53 ปี อาชีพทำนา 70 ไร่ อยู่บ้านเลขที่ 1/3 หมู่ 2 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ได้เข้าร้องทุกข์ต่อศูนย์ดำรงธรรม ที่ศาลากลาง จ.พิจิตร ว่า เมื่อ 2 ปีก่อนได้มีกลุ่มบุคคลมาชักชวนให้สมัครเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยบอกว่าถ้าสมัครจะได้รับสิทธิในการพักชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.และถ้ามีปัญหาหนี้สินจะถูกยึดที่นา หรือทรัพย์สิน ทางกลุ่มสามารถช่วยเหลือได้ โดยเดินทางไปสมัครพร้อมเพื่อนบ้านอีกหลายสิบคนที่บ้านแกนนำเครือข่ายที่ อ.วชิรบารมี และจ่ายเงินไป 1,005 บาทเป็นค่าสมัคร

แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ไม่มีข่าวดีหรือความเคลื่อนไหวใดๆ มีแต่แกนนำมาชวนไปชุมนุมประท้วง แต่นายสมนึก ครอบครัวทำนา 70 ไร่ จึงไม่มีเวลาไปมีส่วนร่วมกับกองทุนฟื้นฟูดังกล่าว

แต่ 1-2 ปีนี้ ทำนาได้ผลผลิตดีราคาข้าวก็ดีจึงปลดหนี้ ธ.ก.ส.สาขาโพทะเล หลังจากที่เป็นหนี้และเป็นสมาชิก ธ.ก.ส.มานานกว่า 10 ปีโดยขณะนี้ถึงฤดูฝนจะถึงรอบการทำนาฤดูกาลใหม่จึงจะขอใช้วงเงินกู้กับ ธ.ก.ส. แต่ปรากฏว่า ธ.ก.ส.สาขาโพทะเล ปฏิเสธว่าถ้าจะกู้เงิน ธ.ก.ส.ก็ต้องเลือกเป็นสมาชิก ธ.ก.ส.เท่านั้น และแนะนำว่าต้องมีหลักฐานใบลาออกจากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรเสียก่อนจึงจะกู้เงินได้ใหม่

นายสมนึก กล่าวว่า ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลาออกแต่เมื่อให้เลือกข้างก็ตัดสินใจว่าขอเลือกข้าง ธ.ก.ส.จะดูมั่นคงกว่าและมีการดำเนินกิจการเป็นรูปธรรม จึงตัดสินใจเดินทางมาตามหาสำนักงานกองทุนฟื้นฟู ซึ่งคราวแรกก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเพราะไม่มีการติดต่อกันมานานแล้ว มาที่สนง.เกษตร ก็บอกว่าอยู่ที่ศาลากลาง ไปศาลากลางก็บอกว่าอยู่ท้ายบึงสีไฟ ที่บริเวณอาคารชุ่มน้ำ ไปมาทั่ว 4-5 แห่ง จนในที่สุดก็ตามหาเจอสำนักงานตั้งอยู่ที่ถนนทางไป กศน.พิจิตร แต่เมื่อไปถึงก็ต้องผิดหวัง สนง.กองทุนฟื้นฟูปิดประตูที่ทำการ มีป้ายบอกเบอร์โทรบอกว่าไปประชุมให้ติดต่อไปที่ จ.กำแพงเพชร

นายสมนึก จึงโทรศัพท์ไปแจ้งว่าจะลาออกและขอคำแนะนำแต่กลับไม่ได้เรื่อง จึงมีความทุกข์มากเพราะขณะนี้จะกู้ธกส.ไปทำทุนเพื่อทำนาปี 2551 ก็ทำไม่ได้เพราะเป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูที่เป็นเหมือนขมิ้นกับปูนกับ ธ.ก.ส. ซึ่งถ้าจะกู้ ธ.ก.ส.ก็ต้องเลือกข้างและให้ลาออก ซึ่งตนก็เต็มใจจะขอลาออกจากกองทุนฟื้นฟู แต่ สนง.กองทุนฟื้นฟู กลับปิดประตูและไร้ร่องรอยเจ้าหน้าที่ มีแต่อาคารและป้ายสำนักงานและบอกไม่อยู่ออฟฟิศ จึงได้ไปร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงค์ธรรมดังกล่าว

สำหรับชาวนาพิจิตรขณะนี้กำลังประสพปัญหาเช่นนี้จำนวนมาก ถูก ธ.ก.ส.ให้เลือกข้างและแห่ไปลาออกแต่ก็ลาออกไม่ได้ เพราะสนง.กองทุนฟื้นฟูปิดประตูสำนักงานและไร้ร่องรอยเจ้าหน้าที่ เพราะและถ้าจะให้ทนอยู่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น