เชียงใหม่ – เครือข่ายชนเผ่าเรียกร้องรัฐช่วย ยก 6 กรณีเร่งด่วน พร้อมจี้รัฐสั่งการทุกหน่วยห้ามข่มขู่ จับกุม ระหว่างแก้ปัญหา
เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย อันประกอบด้วยผู้แทน 23 ข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ได้แก่ กะเหรี่ยง ขมุ คะฉิ่น ชอง ไททรงดำ ไทลื้อ-ไทยอง ไทยวน ไทใหญ่ ไตหย่า บีซู ปะหล่อง (ดาระอั้ง) ม้ง เมี่ยน มลาบรี มอญ มอแกน มอแกลน อุรักละโว้ย ญัฮกุร ลีซู ลาหู่ ลัวะ และอาข่า
ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับชนเผ่าพื้นเมือง ได้จัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 ขึ้น เพื่อรณรงค์วันชนเผ่าพื้นเมืองและเฉลิมฉลองปฏิญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ตลอดจนนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาที่ชนเผ่าพื้นเมืองได้รับและข้อมูลภูมิปัญญาอันล้ำค่าของชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ระหว่าง 7-9 ส.ค.51 ที่ผ่านมา ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ จังหวัดเชียงใหม่ นั้น
เครือข่ายฯ ได้ออกแถลงการณ์ พร้อมทำหนังสือลงนามโดย นายจอนิ โอ่โดเชา ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551 และผู้แทนเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เสนอต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี, ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเสนอข้อเรียกร้องเนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย
โดยระบุว่า รัฐต้องสร้างมาตรการและกลไกคุ้มครองสิทธิ์ชนเผ่าในประเทศไทยตามปฏิญญา กติการะหว่างประเทศ และอนุสัญญาที่ประเทศไทยได้ลงนามให้สัตยาบันไว้กับองค์การสหประชาชาติ, ให้รัฐบาลรับรองวันที่ 9 ส.ค.51 ของทุกปีเป็น “วันชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย”, รัฐบาลไทยต้องยอมรับ เคารพ และส่งเสริมวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนขจัดอคติและการเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์ในทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้สัญชาติแก่เด็กชนเผ่าพื้นเมืองที่เกิดในแผ่นดินไทยทุกคน, ส่งเสริม พัฒนาผู้หญิงชนเผ่าให้มีส่วนร่วมทางการเมือง ทางสังคม ตลอดจนการจัดการศึกษาของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเต็มที่, รัฐต้องคืนสิทธิการจัดการทรัพยากรให้แก่ชนเผ่า และยกเลิกโครงการที่มีผลกระทบต่อวิถีชนเผ่าทุกโครงการ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ได้หยิบยก 6 กรณีปัญหาเร่งด่วนให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไข คือ รัฐต้องเร่งแก้ไขปัญหากรณีที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และยุติการละเมิดสิทธิมนุษยชนชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย โดยทันที คือ
1.การรุกรานและทำลายทรัพย์สินของชาวบ้าน บ้านวังใหม่ หมู่ ๑๒ ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ในพื้นที่อุทยานดอยหลวง
2.การจับกุมชาวบ้านกรณีที่ดินอยู่อาศัย และที่ทำกิน (สปก.) บ้านใหม่หนองผึ้ง ต.อินทขิล
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
3.การจับกุมชาวบ้าน และการสั่งระงับการเคลื่อนไหวทางทะเบียนราษฎร์ของ อ.แม่แตง เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
4.การแย่งชิงพื้นที่ทางวัฒนธรรม และเปลว(สุสาน) บ้านหินลูกเดียว บ้านแหลมหลา บ้านหาดทรายแก้ว ต.ไม้ขาว อ.เมือง จ.ภูเก็ต
5.การแย่งชิงพื้นที่ทำกินและอยู่อาศัยของชาวมอแกน บ้านทับตะวัน ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า
จ.พังงา
6.การรับรองสิทธิการอยู่อาศัยในพื้นที่ของบรรพบุรุษของชุมชนมอแกนที่ประสบภัยสึนามิ บ้านทุ่งหว้า ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา
ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ตามข้อเรียกร้องข้างต้น ขอให้รัฐบาลสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติการข่มขู่ คุกคาม จับกุม คุมขัง ดำเนินคดี ทำลายผลอาสิน อพยพ รื้อถอน โยกย้าย จนกว่าการแก้ไขปัญหาตามหลักการข้างต้นจักแล้วเสร็จ กรณีที่ได้จับกุมดำเนินคดีไปแล้วให้ดำเนินการถอนฟ้องทางคดีโดยเร็ว
