เชียงราย/พะเยา – พายุ “คัมมุริ” แผ่อิทธิพลถึงภาคเหนือตอนบนของไทย ส่งผลให้หลายหมู่บ้านในอำเภอเทิง เวียงแก่น และอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมรวมหลายร้อยหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายเพียบ ขณะที่อำเภอปงและเชียงคำ จังหวัดพะเยา หลายหมู่บ้านเชิงเขาจมน้ำ ด้านทางการและท้องถิ่นเร่งระดมให้ความช่วยเหลือ พร้อมแจ้งเตือนจุดเสี่ยงเฝ้าระวังเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่าอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น "คัมมุริ" ที่ขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามแปรสภาพเป็นพายุโซนร้อน ได้ส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย โดยที่อำเภอเทิง วานนี้(8 ส.ค.51) ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากยอดดอยสูงในพื้นที่หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 12 ตำบลตับเต่า ทำให้บ้านเรือนราษฎรที่อยู่ริมน้ำและพื้นที่ปลูกข้าวโพดถูกน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง
นายบันเทิง เครือวงค์ นายก อบต.ตับเต่า อ.เทิง ได้นำเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์ พบว่าเกิดความเสียหายมีฝายกั้นน้ำ ต้านทานกระแสน้ำป่าไม่ไหว ถูกซัดจนขาดเสียหาย 7 จุด มีชาวบ้านเดือดร้อนประมาณ 400 ครัวเรือน ทาง อบต.ตับเต่า ได้รายงานฝ่ายปกครอง และขอรับการสนับสนุนจากทาง อบจ.เชียงราย โดยเบื้องต้นได้นำเจ้าหน้าที่เข้าซ่อมแซมฝายที่พังเสียหาย โดยมีการนำกระสอบทรายมากั้นเป็นการชั่วคราวไปก่อน ขณะที่ อบต.ตับเต่า ได้แจ้งเตือนให้ราษฎรทุกหมู่บ้านเฝ้าระวัง รับมือเหตุน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากระดับน้ำหลายแห่งเกินจุดวิกฤตแล้ว
ส่วนที่ยอดดอยสูงชายแดนไทย-ลาว ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย อิทธิพลพายุคำมูริ ได้ทำเกิดฝนตกหนัก จนเกิดดินภูเขาถล่มลงมาปิดกั้นถนนเลียบสันเขา บนถนนทางขึ้นแหล่งท่องเที่ยวบ้านผาตั้ง ดินภูเขาผิดกั้นการจราจรกว่าครึ่งของผิวถนนทั้งหมด นอกจากนี้กระแสน้ำหงาว ที่มีน้ำป่าไหลผสม ได้เพิ่มความแรง ทำให้ฝายห้วยผาตั้ง บ้านปางหัด หมู่ที่ 2 ต.ปอ ต้านทานกระแสน้ำไม่ไหว ขาดลงจำนวน 5 จุด สะพานขาด 1 แห่ง ส่วนที่บ้านห้วยปุ๊ก หมู่ที่ 20 และบ้านห้วยปอ หมู่ที่ 17 ต.ปอ ถนนกลายเป็นดินโคลนลื่น รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อที่ใช้โซ่พันล้อ ยังวิ่งไม่ได้ ทำให้การจรจาจรถูกตัดขาด ต้องใช้เดินเท้าเพียงอย่างเดียว คนเจ็บและชาวบ้านที่ต้องขนถ่ายสินค้าเกษตร ต่างลงจากดอยไม่ได้เช่นกัน
นายพงษ์ทวี พงษ์พันธุ์ชัชวาลย์ ปลัด อบต.ห้วยชมพู อ.เมือง จ.เชียงราย เผยว่า มีดินภูเขาถล่มทางขึ้นสู่ อบต.ห้วยชมพู บริเวณบ้านปางขอน หมู่ที่ 7 ถนนบนดอยกลายเป็นดินเละ ทาง อบต.ได้เข้าดำเนินการปรับเส้นทางอยู่ตลอด นอกจากนี้แม่น้ำกก ที่บ้านจะคือ ที่มีระดับสูงและเชี่ยวกราก ได้ไหลท่วมพื้นที่ปลูกไร้ส้ม ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหลายจุด ทั้งนี้กลุ่มราษฎรชนเผ่าบนดอยสูง ได้รับความเดือดร้อนหนัก เนื่องจากชาวบ้านถูกตัดขาดเส้นทางกลายเป็นดินโคลน โดยเฉพาะที่บ้านหัวแม่คำ ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ถนนในหมู่บ้านกลายเป็นทะเลโคลนออกไปนอกหมู่บ้านไม่ได้ และทำให้มีราษฎรถูกน้ำป่าพัดจนเสียชีวิต 1 ศพไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปช่วยเหลือ
ด้านจังหวัดพะเยา รายงานข่าวแจ้งว่า ในพื้นที่อำเภอปง และอำเภอเชียงคำ ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาเช่นกัน โดยเกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บริเวณหุบเขารวมหลายหมู่บ้าน ได้รับความเสียหายหลายร้อยหลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 3,000 ไร่ แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขณะที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพะเยา ได้เข้าให้การช่วยเหลือด้วยการนำเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 12 เครื่องช่วยสูบน้ำและนำเครื่องจักรเข้าช่วยซ่อมแซมบ้านเรือน พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือเพิ่มเติม
นายบุญศักดิ์ วรินทร์รักษ์ นายกเทศมนตรีปง กล่าวว่าระดับน้ำครั้งนี้มาเร็วและสูง ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายชุม ซึ่งไม่เคยท่วมเช่นนี้มาหลายปีแล้ว โดยทางเทศบาลได้ส่งเรือยางออกให้การช่วยเหลือราษฎรที่ติดค้างในพื้นที่ลุ่ม และตามบ้านเรือนที่อยู่ต่ำติดแม่น้ำยม ออกมายังที่ปลอดภัย ขณะเดียวกันฝากถึงพี่น้องชาวจังหวัดแพร่ด้วยว่า ระดับน้ำในแม่น้ำยมสูงถึง 5.54 เมตร คงจะส่งผลกระทบถึง จ.แพร่ คาดว่าจะไปถึงแพร่ในอีก 2 วัน สำหรับความเสียหายจะเป็นพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าว และข้าวโพดที่ถูกน้ำพัดเสียหายนับพันไร่
ล่าสุดในพื้นที่จังหวัดพะเยายังคงมีการประกาศแจ้งเตือนให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ตามเชิงเข้า ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม ในระยะนี้ รวมทั้งให้ติดตามรับฟังข่าวพยากรณ์อากาศและการแจ้งเตือนภัยต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย
