ตราด - กำนันแหนบทองคำ จ.ตราด ชี้แจงไม่ได้บริจาคเงินเพื่อแลกตำแหน่ง ระบุ มีผลงานมาก ขณะชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เมืองตราด วางหรีดเคารพ ร.5 ระบุจังหวัดคัดเลือกไม่โปร่งใส
หลังจากมีข่าวว่าการคัดเลือกกำนันดีเด่นของ จงตราด ปี 2551 มีการบริจาคเงินให้กับคณะกรรมการคัดเลือกจนเกิดความแตกแยกขึ้นในชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ตราดนั้น นายขวน สิงห์เขียว กำนัน ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ตราด และกำนันแหนบทองคำ (ดีเด่น) ของ จ.ตราด ประจำปี 2551 เปิดเผยว่า การได้รับการคัดเลือกเป็นกำนันแหนบทองคำปี 2551 ของตนเองมีความโปร่งใส และไม่มีการบริจาคหรือสนับสนุนเงินให้กับคณะกรรมการตัดสินแต่ประการใด แต่ได้รับคัดเลือกเพราะเป็นผู้มีผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนันโดยไม่มีข้อบกพร่อง และสามารถตอบสนองนโยบายของผู้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี และได้เสียสละเวลาในการปฏิบัติหน้าที่จนได้รับความชื่นชมจากทุกฝ่าย การได้รับการคัดเลือกเป็นกำนันแหนบทองคำจึงเป็นเรื่องที่ชอบธรรม
“ผมทำงานมานานหลายสิบปีและทุ่มเท เสียสละเพื่อตอบสนองนโยบายของจังวัดไม่เคยบกพร่อง ซึ่งหากจะวัดผลงานกันแล้ว กำนันในแต่ละอำเภอมาสู่ระดับจังหวัด ผมมีผลงานมากที่สุด ผมไม่เคยไปบริจาคเงินเพื่อให้ได้รางวัลกำนันแหนบทองคำเป็นไปไม่ได้ ข่าวที่ออกมาผมจึงเสียใจ เพราะไม่เคยบริจาคเงินให้ใครทั้งนั้น”
ขณะที่นายศิรัษฐ์ ประสบเนตร ปกครอง จ.ตราด (จ่าจังหวัด) เปิดเผยว่า การคัดเลือกกำนันแหนบทองคำ มีขั้นตอนอยู่ที่อำเภอแต่ละแห่งได้เสนอให้ทางคณะกรรมการในระดับจังหวัด โดยให้แต่ละอำเภอจะเสนอมาอำเภอละ 1 คน เพื่อให้คณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งในระดับนี้ไม่มีกรรมการคนใดไปรับเงินได้แน่ และไม่ใช่นโยบายของจังหวัดที่จะสนับสนุนผู้บริจาค
ทางด้าน นายกาหลง หาดอ้าน กำนัน ต.ท่าพริก อ.เมือง จ.ตราด และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองตราด เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และไม่ควรจะเกิดขึ้นในชมรมฯ เพราะเมื่อมีข้อตกลงกันแล้วว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานชมรมฯ จะไม่รับรางวัลกำนันแหนบทองคำ แต่เมื่อไม่รักษาคำพูดก็ต้องถอนตัว และไม่ร่วมงานที่ชมรมฯ และจังหวัดจัดขึ้น และได้แยกออกไปจัดกิจกรรมของชมรมฯ เมืองตราดเอง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องฝากไปยังจังหวัดตราด ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ให้เหมาะสมและโปร่งใส และที่มีกำนันของ จ.ตราด คนหนึ่ง ประกาศว่าจะเป็นกำนันดีเด่นปี 2552 เนื่องจากสนับสนุนงานของ จ.ตราดมามาก หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
หลังจากมีข่าวว่าการคัดเลือกกำนันดีเด่นของ จงตราด ปี 2551 มีการบริจาคเงินให้กับคณะกรรมการคัดเลือกจนเกิดความแตกแยกขึ้นในชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ตราดนั้น นายขวน สิงห์เขียว กำนัน ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด อดีตประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.ตราด และกำนันแหนบทองคำ (ดีเด่น) ของ จ.ตราด ประจำปี 2551 เปิดเผยว่า การได้รับการคัดเลือกเป็นกำนันแหนบทองคำปี 2551 ของตนเองมีความโปร่งใส และไม่มีการบริจาคหรือสนับสนุนเงินให้กับคณะกรรมการตัดสินแต่ประการใด แต่ได้รับคัดเลือกเพราะเป็นผู้มีผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนันโดยไม่มีข้อบกพร่อง และสามารถตอบสนองนโยบายของผู้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี และได้เสียสละเวลาในการปฏิบัติหน้าที่จนได้รับความชื่นชมจากทุกฝ่าย การได้รับการคัดเลือกเป็นกำนันแหนบทองคำจึงเป็นเรื่องที่ชอบธรรม
“ผมทำงานมานานหลายสิบปีและทุ่มเท เสียสละเพื่อตอบสนองนโยบายของจังวัดไม่เคยบกพร่อง ซึ่งหากจะวัดผลงานกันแล้ว กำนันในแต่ละอำเภอมาสู่ระดับจังหวัด ผมมีผลงานมากที่สุด ผมไม่เคยไปบริจาคเงินเพื่อให้ได้รางวัลกำนันแหนบทองคำเป็นไปไม่ได้ ข่าวที่ออกมาผมจึงเสียใจ เพราะไม่เคยบริจาคเงินให้ใครทั้งนั้น”
ขณะที่นายศิรัษฐ์ ประสบเนตร ปกครอง จ.ตราด (จ่าจังหวัด) เปิดเผยว่า การคัดเลือกกำนันแหนบทองคำ มีขั้นตอนอยู่ที่อำเภอแต่ละแห่งได้เสนอให้ทางคณะกรรมการในระดับจังหวัด โดยให้แต่ละอำเภอจะเสนอมาอำเภอละ 1 คน เพื่อให้คณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งในระดับนี้ไม่มีกรรมการคนใดไปรับเงินได้แน่ และไม่ใช่นโยบายของจังหวัดที่จะสนับสนุนผู้บริจาค
ทางด้าน นายกาหลง หาดอ้าน กำนัน ต.ท่าพริก อ.เมือง จ.ตราด และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เมืองตราด เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้และไม่ควรจะเกิดขึ้นในชมรมฯ เพราะเมื่อมีข้อตกลงกันแล้วว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานชมรมฯ จะไม่รับรางวัลกำนันแหนบทองคำ แต่เมื่อไม่รักษาคำพูดก็ต้องถอนตัว และไม่ร่วมงานที่ชมรมฯ และจังหวัดจัดขึ้น และได้แยกออกไปจัดกิจกรรมของชมรมฯ เมืองตราดเอง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ต้องฝากไปยังจังหวัดตราด ต้องพิจารณาในเรื่องนี้ให้เหมาะสมและโปร่งใส และที่มีกำนันของ จ.ตราด คนหนึ่ง ประกาศว่าจะเป็นกำนันดีเด่นปี 2552 เนื่องจากสนับสนุนงานของ จ.ตราดมามาก หากเป็นเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
