ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ป่วยโรคหัวใจกว่า 100 ชีวิต บุกยื่นหนังสือต่อ นายกสภาฯ มข."เภา สารสิน" จี้ตั้งกรรมการสอบเอาผิด ผอ.ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ หลังปล่อยผู้ป่วยตายต่อหน้าแพทย์ไปแล้ว 15 รายในรอบครึ่งปี ขณะที่บางคนรอคิวรักษานานกว่า 14 เดือน “สุเทพ” แฉ ผอ.หมกเม็ดงบประมาณจัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ สตง.
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้(6 ส.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าอาคารแก่นกัลปพฤกษ์ พล.ต.อ.เภา สารสิน นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมสภามหาวิทยาลัยประจำเดือนสิงหาคม 2551 โดยในช่วงก่อนการประชุมได้มี ผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจจากทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสาน คณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่จากศูนย์หัวใจสิริกิติ์ กว่า 200 คน ได้มารวมตัวกันด้านหน้าห้องประชุมเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภามหาวิทยาลัย ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเอาผิดกับคณะผู้บริหาร ที่มีการบริหารงานที่ล้มเหลว
นพ.สุเทพ ทักษิณาเจนกิจ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะแกนนำองค์กรแพทย์ ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ฯ กล่าวว่า การบริหารงานของคณะผู้บริหารในชุดปัจจุบันตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านของการบริหารและการบริการ ที่ขาดทั้งการเป็นผู้นำ สร้างความแตกแยกภายในองค์กรอย่างรุนแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม
ซ้ำยังมีพฤติกรรมที่ส่อทุจริตในเรื่องของการรับเงินเวร เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ขาดวิสัยทัศน์ ในเรื่องของการพัฒนาองค์กร ขณะที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคืองานด้านบริการ ที่ไม่มีเป้าหมายในการบริการผู้ป่วยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการที่ไม่สนับสนุนให้มีการผ่าตัดอย่างเต็มศักยภาพ โดยมีการจำกัดการผ่าตัดหัวใจแบบเปิดลดลงมากกว่าร้อยละ 60 จากเดิมที่ตั้งไว้ 100 ราย ต่อเดือนก็เหลือเพียง 40 รายต่อเดือน
อีกทั้งการไม่แก้ปัญหาเรื่องคิวผ่าตัดนานจนทำให้ผู้ป่วยบางส่วนเสียชีวิตขณะรอคิวผ่าตัด ประกอบกับการไม่แก้ปัญหาเรื่องการจัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย เช่นลิ้นหัวใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างมาก
นายแพทย์สุเทพ ระบุอีกว่า การให้บริการของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ มีการให้บริการกับผู้ป่วยทั่วทั้งภาคอีสานเฉลี่ยปีละประมาณ 1,000 ราย ที่ถูกส่งต่อมาทำการรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่แผนการดำเนินงานในด้านการบริการนั้นเดิมมีการตั้งจำนวนยอดผู้ป่วยที่เจ้าคิวรับการผ่าตัดที่เดือนละ 40 ราย แต่การบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบันที่ไม่มีการจัดคิวหรือจัดระบบการให้การรักษาจากเดิมผู้ป่วยต่อรายจะรอคิวผ่าตัดเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น
แต่จนถึงขณะนี้บางรายรอคิวนานถึง 14 เดือน จนทำให้ผู้ป่วยบางคนที่ทนไม่ไหวต้องเสียชีวิตลงไป บางรายเสียชีวิตต่อหน้าทีมแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นในวิชาชีพแพทย์ของประเทศไทย และจากข้อมูลผู้ป่วยโรคหัวใจที่เสียชีวิตขณะรอทำการรักษามีมากถึง 15 ราย ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2551 จนทำให้ผู้ป่วยหลายคนเกิดความไม่มั่นใจในการบริการของทางศูนย์ฯ จนทำให้ยอดการเข้ามาใช้บริการลดลงไปกว่าครึ่ง เนื่องจากคิวการรอผ่าตัดนานถึง 14 เดือน ส่งผลให้ขณะนี้เกิดข้อร้องเรียนเรื่องคิวผ่าตัดและการให้บริการระหว่างผู้ป่วยที่ยังคงรอการรักษาตัวอยู่ภายในศูนย์ฯ ญาติผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้วกับทางโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
"เรื่องที่ส่งผลต่อการเสื่อมเสียของสถาบันมากที่สุดคือการที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ได้เข้ามาตรวจสอบการบริหารงานของศูนย์ ในเรื่องของการทุจริตการจัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ และการบริหารงบประมาณที่ไม่โปร่งใส"นพ.สุเทพ กล่าวและว่า
สำหรับการเข้าร้องเรียนต่อสภามหาวิทยาลัยขอนแกน ในการประชุมครั้งนี้เพื่อต้องการให้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคณะผู้บริหาร โดยเฉพาะการสรรหาผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนในระหว่างการพิจารณา เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาของผู้ป่วยจากทั่วทั้งภาคอีสาน ในการเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์กันอย่างตามปกติ
การบริหารงานของศูนย์หัวใจสิริกิตติ์ตลอดทั้งปี 2551 ที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะงานด้านบริการที่มีการรักษาผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจลดลงอย่างมาก เฉลี่ยเหลือเพียงเดือนละ 40 รายจากเดิม 100 ราย ส่งผลให้ มีผู้ป่วยที่รอรับการรักษาตัวเสียชีวิตต่อหน้าทีมแพทย์ขณะรอคิวผ่าตัดไปแล้วรวม 15 รายในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้รับการอนุญาตผ่าตัดและต้องรอคิวนานกว่า 14 เดือน
จนเกิดการฟ้องร้องระหว่างญาติผู้ป่วยกับทางโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังคงมีการหมกเม็ดในงบประมาณสำหรับการซื้อวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็น จนทำให้ขณะนี้ทางศูนย์ไม่มีความพร้อมในการที่จะให้บริการผู้ป่วยโรคหัวใจในภาคอีสาน จึงเข้าร้องเรียนเพื่อขอให้มีการปรับย้าย นพ.ชูศักดิ์ อุปตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิต์ ออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด
เมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้(6 ส.ค.) ที่บริเวณด้านหน้าอาคารแก่นกัลปพฤกษ์ พล.ต.อ.เภา สารสิน นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมสภามหาวิทยาลัยประจำเดือนสิงหาคม 2551 โดยในช่วงก่อนการประชุมได้มี ผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจจากทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสาน คณะแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่จากศูนย์หัวใจสิริกิติ์ กว่า 200 คน ได้มารวมตัวกันด้านหน้าห้องประชุมเพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภามหาวิทยาลัย ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและเอาผิดกับคณะผู้บริหาร ที่มีการบริหารงานที่ล้มเหลว
นพ.สุเทพ ทักษิณาเจนกิจ หัวหน้ากลุ่มงานศัลยกรรมหัวใจและทรวงอก ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในฐานะแกนนำองค์กรแพทย์ ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ฯ กล่าวว่า การบริหารงานของคณะผู้บริหารในชุดปัจจุบันตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในด้านของการบริหารและการบริการ ที่ขาดทั้งการเป็นผู้นำ สร้างความแตกแยกภายในองค์กรอย่างรุนแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม
ซ้ำยังมีพฤติกรรมที่ส่อทุจริตในเรื่องของการรับเงินเวร เอื้อประโยชน์พวกพ้อง ขาดวิสัยทัศน์ ในเรื่องของการพัฒนาองค์กร ขณะที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดคืองานด้านบริการ ที่ไม่มีเป้าหมายในการบริการผู้ป่วยอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการที่ไม่สนับสนุนให้มีการผ่าตัดอย่างเต็มศักยภาพ โดยมีการจำกัดการผ่าตัดหัวใจแบบเปิดลดลงมากกว่าร้อยละ 60 จากเดิมที่ตั้งไว้ 100 ราย ต่อเดือนก็เหลือเพียง 40 รายต่อเดือน
อีกทั้งการไม่แก้ปัญหาเรื่องคิวผ่าตัดนานจนทำให้ผู้ป่วยบางส่วนเสียชีวิตขณะรอคิวผ่าตัด ประกอบกับการไม่แก้ปัญหาเรื่องการจัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็นในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย เช่นลิ้นหัวใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยอย่างมาก
นายแพทย์สุเทพ ระบุอีกว่า การให้บริการของศูนย์หัวใจสิริกิติ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแห่งนี้ มีการให้บริการกับผู้ป่วยทั่วทั้งภาคอีสานเฉลี่ยปีละประมาณ 1,000 ราย ที่ถูกส่งต่อมาทำการรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ ขณะที่แผนการดำเนินงานในด้านการบริการนั้นเดิมมีการตั้งจำนวนยอดผู้ป่วยที่เจ้าคิวรับการผ่าตัดที่เดือนละ 40 ราย แต่การบริหารงานของผู้บริหารชุดปัจจุบันที่ไม่มีการจัดคิวหรือจัดระบบการให้การรักษาจากเดิมผู้ป่วยต่อรายจะรอคิวผ่าตัดเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น
แต่จนถึงขณะนี้บางรายรอคิวนานถึง 14 เดือน จนทำให้ผู้ป่วยบางคนที่ทนไม่ไหวต้องเสียชีวิตลงไป บางรายเสียชีวิตต่อหน้าทีมแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นในวิชาชีพแพทย์ของประเทศไทย และจากข้อมูลผู้ป่วยโรคหัวใจที่เสียชีวิตขณะรอทำการรักษามีมากถึง 15 ราย ในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2551 จนทำให้ผู้ป่วยหลายคนเกิดความไม่มั่นใจในการบริการของทางศูนย์ฯ จนทำให้ยอดการเข้ามาใช้บริการลดลงไปกว่าครึ่ง เนื่องจากคิวการรอผ่าตัดนานถึง 14 เดือน ส่งผลให้ขณะนี้เกิดข้อร้องเรียนเรื่องคิวผ่าตัดและการให้บริการระหว่างผู้ป่วยที่ยังคงรอการรักษาตัวอยู่ภายในศูนย์ฯ ญาติผู้ป่วยที่เสียชีวิตไปแล้วกับทางโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
"เรื่องที่ส่งผลต่อการเสื่อมเสียของสถาบันมากที่สุดคือการที่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินหรือ สตง. ได้เข้ามาตรวจสอบการบริหารงานของศูนย์ ในเรื่องของการทุจริตการจัดซื้อวัสดุทางการแพทย์ และการบริหารงบประมาณที่ไม่โปร่งใส"นพ.สุเทพ กล่าวและว่า
สำหรับการเข้าร้องเรียนต่อสภามหาวิทยาลัยขอนแกน ในการประชุมครั้งนี้เพื่อต้องการให้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนคณะผู้บริหาร โดยเฉพาะการสรรหาผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนในระหว่างการพิจารณา เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจต่อผู้ปฎิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรียกความเชื่อมั่นศรัทธาของผู้ป่วยจากทั่วทั้งภาคอีสาน ในการเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์กันอย่างตามปกติ
การบริหารงานของศูนย์หัวใจสิริกิตติ์ตลอดทั้งปี 2551 ที่ผ่านมาล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะงานด้านบริการที่มีการรักษาผ่าตัดผู้ป่วยโรคหัวใจลดลงอย่างมาก เฉลี่ยเหลือเพียงเดือนละ 40 รายจากเดิม 100 ราย ส่งผลให้ มีผู้ป่วยที่รอรับการรักษาตัวเสียชีวิตต่อหน้าทีมแพทย์ขณะรอคิวผ่าตัดไปแล้วรวม 15 รายในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้รับการอนุญาตผ่าตัดและต้องรอคิวนานกว่า 14 เดือน
จนเกิดการฟ้องร้องระหว่างญาติผู้ป่วยกับทางโรงพยาบาล ขณะเดียวกัน ยังคงมีการหมกเม็ดในงบประมาณสำหรับการซื้อวัสดุทางการแพทย์ที่จำเป็น จนทำให้ขณะนี้ทางศูนย์ไม่มีความพร้อมในการที่จะให้บริการผู้ป่วยโรคหัวใจในภาคอีสาน จึงเข้าร้องเรียนเพื่อขอให้มีการปรับย้าย นพ.ชูศักดิ์ อุปตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจสิริกิต์ ออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด
