สุรินทร์ - อบจ.สุรินทร์เดินหน้าส่งเสริมโรงเรียนเมืองช้างใช้พื้นที่ว่างเปล่าปลูกยางพาราฟื้นฟูระบบนิเวศน์แก้ปัญหาโลกร้อนและเป็นแหล่งเรียนรู้ พร้อมสร้างรายได้ของโรงเรียน ตั้งเป้าส่งเสริมปลูกรวม 830 ไร่ เผยปีที่ผ่านมามีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 131 แห่งปลูกยางพาราไปแล้วกว่า 1 แสนต้น และสกย.เข้าประเมินได้ผลกว่า 80% ชี้ปีนี้โรงเรียนแห่เข้าร่วมโครงการถึง 252 แห่ง
วันนี้ (30 ก.ค.) นายธงชัย มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางอบจ.สุรินทร์ ได้ดำเนิน “โครงการปลูกพืชสีเขียวแก้ปัญหาโลกร้อนโดยการปลูกยางพาราในพื้นที่ว่างเปล่า” อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนให้โรงเรียนต่างๆในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ทั้ง 3 เขตพื้นที่การศึกษาที่สนใจ ใช้พื้นที่ว่างเปล่าปลูกยางพาราซึ่งมีเป้าหมายพื้นที่ปลูกจำนวน 830 ไร่ เพื่อสนองแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้ชุมชนท้องถิ่น ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้รับการพัฒนาและสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืมสู่ความสมดุลและยั่งยืนตลอดไป
อีกทั้งเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของจังหวัดและรักษาสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศน์ป่าไม้ เพื่อลดปัญหาโลกร้อน และนักเรียนในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้เรียนรู้และศึกษาการปลูกยางพารา สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตได้ซึ่งยางพาราถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากโรงเรียนต่างๆในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่ง อบจ.จะเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้ครบตามเป้าหมายพื้นที่ปลูกที่ตั้งไว้คือ 830 ไร่ ต่อไป
นายธงชัย กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวทางอบจ.สุรินทร์ ได้สนับสนุนให้พันธุ์กล้ายางพาราและงบประมาณแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการใช้พื้นที่ว่างเปล่าปลูกยางพาราโรงเรียนละ 20 ไร่ ซึ่งปีที่ผ่านนับเป็นปีแรกที่ดำเนินการ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 131 แห่ง ปลูกต้นยางไปแล้วกว่า 1 แสนต้น
ทั้งนี้ จากการเข้าไปตรวจสอบและประเมินผลของสำนักงานกองทุนการทำสวนยาง (สกย.) พบว่าได้ผลถึง 80% ทำให้ปีนี้มีโรงเรียนต่างๆให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 252 แห่ง แม้ว่างบประมาณจะมีจำกัด ทาง อบจ.สุรินทร์ก็จะหาทางส่งเสริมสนับสนุนต่อไป เพราะเชื่อว่าเมื่อยางพาราโตขึ้นก็จะเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน ตั้งแต่การปลูก การกรีด การดูแลซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนและยังสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย
“ที่สำคัญเมื่อผลิตออกมาซึ่งจากการประเมินในแต่ละโรงเรียนจะมีผลผลิตถึงปีละ 1 ล้านบาทต่อปี จะทำให้โรงเรียนมีรายได้ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งงบประมาณจากทางรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว” นายธงชัย กล่าว
วันนี้ (30 ก.ค.) นายธงชัย มุ่งเจริญพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ เปิดเผยว่า ทางอบจ.สุรินทร์ ได้ดำเนิน “โครงการปลูกพืชสีเขียวแก้ปัญหาโลกร้อนโดยการปลูกยางพาราในพื้นที่ว่างเปล่า” อย่างต่อเนื่อง โดยการสนับสนุนให้โรงเรียนต่างๆในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ทั้ง 3 เขตพื้นที่การศึกษาที่สนใจ ใช้พื้นที่ว่างเปล่าปลูกยางพาราซึ่งมีเป้าหมายพื้นที่ปลูกจำนวน 830 ไร่ เพื่อสนองแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมุ่งหวังให้ชุมชนท้องถิ่น ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมได้รับการพัฒนาและสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืมสู่ความสมดุลและยั่งยืนตลอดไป
อีกทั้งเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของจังหวัดและรักษาสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศน์ป่าไม้ เพื่อลดปัญหาโลกร้อน และนักเรียนในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ จะได้เรียนรู้และศึกษาการปลูกยางพารา สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในอนาคตได้ซึ่งยางพาราถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากโรงเรียนต่างๆในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ซึ่ง อบจ.จะเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้ครบตามเป้าหมายพื้นที่ปลูกที่ตั้งไว้คือ 830 ไร่ ต่อไป
นายธงชัย กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวทางอบจ.สุรินทร์ ได้สนับสนุนให้พันธุ์กล้ายางพาราและงบประมาณแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการใช้พื้นที่ว่างเปล่าปลูกยางพาราโรงเรียนละ 20 ไร่ ซึ่งปีที่ผ่านนับเป็นปีแรกที่ดำเนินการ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 131 แห่ง ปลูกต้นยางไปแล้วกว่า 1 แสนต้น
ทั้งนี้ จากการเข้าไปตรวจสอบและประเมินผลของสำนักงานกองทุนการทำสวนยาง (สกย.) พบว่าได้ผลถึง 80% ทำให้ปีนี้มีโรงเรียนต่างๆให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นถึง 252 แห่ง แม้ว่างบประมาณจะมีจำกัด ทาง อบจ.สุรินทร์ก็จะหาทางส่งเสริมสนับสนุนต่อไป เพราะเชื่อว่าเมื่อยางพาราโตขึ้นก็จะเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน ตั้งแต่การปลูก การกรีด การดูแลซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนและยังสามารถนำไปประกอบเป็นอาชีพในอนาคตได้อีกด้วย
“ที่สำคัญเมื่อผลิตออกมาซึ่งจากการประเมินในแต่ละโรงเรียนจะมีผลผลิตถึงปีละ 1 ล้านบาทต่อปี จะทำให้โรงเรียนมีรายได้ ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งงบประมาณจากทางรัฐบาลแต่เพียงฝ่ายเดียว” นายธงชัย กล่าว