ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “สุวิทย์ คุณกิตติ” ตีบทเปิดใจเรียกคะแนนหลังทิ้งนาวาหุ่นเชิด ยืนยันตัดสินใจถูกต้อง ไม่ยึดติดตำแหน่ง เป้าหมายรักษาประโยชน์ของชาติ-ประชาชนเป็นหลัก พร้อมปัดตอบมีปัญหาส่วนตัวกับ “สมัคร” ยอมรับการตัดสินใจอาจทำให้หลายคนไม่พอใจ เผยอยากเห็นภาพการเมืองแบบใหม่ การเมืองที่ขาวสะอาด ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(30 ก.ค.) ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน ในหัวข้อ “การผลักดันอ้อยเป็นวาระแห่งชาติ” โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยจากทั้ง 19 จังหวัดภาคอีสานมาร่วมประชุมกว่า 2,000 คน
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินได้กล่าวถึงการประกาศลาออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นมติที่ทางพรรค และสมาชิกพรรคทุกคนที่หัวหน้าพรรคมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมายังคงไม่มีการใช้มติดังกล่าวและเมื่อถึงเวลาจึงใช้
ถึงอย่างไรยังคงต้องให้เกียรติ ส.ส.ตามเอกสิทธิ์ของรัฐธรรมนูญที่ได้เขียนไว้ ซึ่งเป็นสิทธิของทุกท่านที่จะพิจารณาว่าจะใช้สิทธ์หรือไม่อย่างไร ถือเป็นสิ่งปกติธรรมดาทางการเมือง ถ้าไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เรามีจุดยืนที่ถูกต้อง ยึดหลักความถูกต้องเป็นสิ่งที่สำคัญ ความถูกต้องอาจจะไม่ถูกใจ บางทีผลประโยชน์เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ในส่วนตัวไม่ยึดติดตำแหน่ง ไม่มีผลประโยชน์ และตนเองก็มีจุดยืนบนความถูกต้อง และก็คำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก การตัดสินใจของตนเองนั้นไม่มีอะไร สิ่งที่สำคัญคือการตัดสินใจบนพื้นฐานของประเทศชาติและประชาชน เมื่อถึงเวลาก็ตัดสินใจยืนยันไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
การตัดสินใจครั้งนี้ได้มีการพูดคุยด้วยกันหลายฝ่าย ซึ่งในวันอังคารหน้าจะมีการนัดประชุม สมาชิกพรรคและกรรมการบริหารพรรคทุกคน เนื่องจากสภาฯเองนั้นก็จะมีการเปิดประชุมในสัปดาห์หน้าเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ได้มีการเรียกประชุมพรรคก่อนการประชุมพิจารณาข้อบัญญัติงบประมาณ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยกันไปบ้างแล้ว และก่อนที่สภาฯจะเปิด 1 ส.ค.นี้ การประชุมสภาฯครั้งแรกจะมีขึ้น ก็จะมีการเรียกประชุมสมาชิกพรรคด้วยเช่นกัน
ต่อคำถามพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นคิดอย่างไรกับการตัดสินใจครั้งนี้ นายสุวิทย์ กล่าวว่า คงจะไปคิดว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไรไม่ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าการตัดสินใจของตนไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของพรรคการเมืองอื่น ขึ้นอยู่ที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆจะตัดสินใจอย่างไร เพราะการบริหารจัดการภายในพรรคโดยมารยาทพรรคที่มาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เคยตกลงกันไว้อย่างไรก็จะยึดหลักการดังกล่าวอยู่ การบริหารจัดการยังคงเป็นไปตามสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมืองที่จะไม่ก้าวก่ายกัน
ทั้งนี้ หากมีการเข้าไปก้าวก่ายกันในลักษณะดังกล่าวนี้ก็จะมีเรื่องในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก เพราะระบบพรรคการเมืองมีอยู่เราจึงต้องยึดระบบ ยังคงไม่มีปัญหาอะไร สถานการณ์ ณ วันนี้ตนอยากเห็นภาพการเมืองแบบใหม่ การเมืองที่ขาวสะอาด เป็นการเมืองที่ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝงเป็นการเมืองที่คิดถึงประชาชนจริงๆ โดยไม่คิดถึงตัวเอง ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญ แต่ถ้ามาคิดถึงตัวเองก่อน บ้านเมืองก็จะอยู่ไม่ได้ การประกาศไม่ร่วมรัฐบาลต่อไปถือเป็นความคิดและนโยบายที่ตระหนักมาโดยตลอด ค่อยว่ากันอีกทีในกระบวนการว่าเมื่อมีการตัดสินใจในลักษณะเช่นนี้ต่อไปแล้วจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคก็จะต้องมีการพูดคุยกัน
“สิ่งที่ผมยึดถือมาโดยตลอด คือ ผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยเฉพาะประเทศชาติ ถ้าเราคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมการตัดสินใจอะไรก็ง่าย แต่ถ้าคิดถึงประโยชน์ส่วนตัวการตัดสินใจก็ลำบาก เพราะฉะนั้นการตัดสินใจมาโดยตลอด 25 ปีของการดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือสิ่งที่ผมมองถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ทำให้การตัดสินใจอะไรก็ทำได้ง่ายขึ้น” นายสุวิทย์ กล่าวและย้ำอีกว่า
วันนี้สิ่งที่บ้านเมืองต้องการ คือ การรู้รักสามัคคี มีความสมานฉันท์ ตนคงไม่ไปก้าวล่วงในส่วนของพรรคการเมืองอื่น ส่วนตัวคือทำเพื่อชาติและประชาชน และคิดว่าหลักการที่ยึดถือมาตลอดคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหัวใจที่สำคัญ ตามจุดยืนทางการเมืองรูปแบบใหม่ ให้เป็นการเมืองที่บริสุทธิ์สะอาด และเป็นการเมืองที่สร้างความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคีให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะขณะนี้ประเทศไทยเราต้องการแบบนั้น และคงไม่ไปทะเลาะกับใครหรือเถียงกับใครอีก
มั่นใจลูกก๊วนไม่แตกแถว
ในส่วนของการตัดสินใจของสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน ถือเป็นสิทธิของ ส.ส.ของพรรคตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของตนในตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งตนก็เห็นใจทุกท่านเหมือนกัน เพราะแต่ละคนมีหน้าที่ความรับผิดชอบ มีหน้าที่ที่จะต้องตัดสินใจ เราจะไปกีดกันไม่ให้คิดในส่วนของเขานั้นไม่ได้ เอกสิทธิ์ตามรับธรรมนูญเป็นสิ่งทีเราไม่ก้าวล่วง ซึ่งจะใช้เวทีการประชุมพรรคมาชี้แจงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจทางการเมืองเมื่อตัดสินใจไปแล้วก็จะต้องพูดคุยและแจ้งให้ทราบถึงกระบวนการขั้นตอนของการตัดสินใจดังกล่าว และจะมีผลอย่างไรต่อไป
ปัดตอบมีปัญหานายกฯ สมัคร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการออกมาพูดแบบตัดเยื่อใยของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกับพรรคเพื่อแผ่นดิน นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ถึงกับอึ้งนานกว่า 1 นาที พร้อมพยายามที่จะบ่ายเบี่ยงในคำตอบดังกล่าว โดยพูดแต่เพียงว่า อย่าไปคิดมาก บ้านเมืองบอบช้ำมามาก ไปทำในสิงที่ดีดีกว่า และยังไม่ได้คุยกับท่านนายกฯ แต่อย่างใด
“มุกดา” หนุน“สุวิทย์” ทำถูกต้อง
ขณะที่ นางมุกดา พงษ์สมบัติ เลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวยอมรับเคารพกับการตัดสินใจของหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินอย่างเต็มที่ และถือเป็นเรื่องธรรมดาที่การตัดสินใจที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจใครต่อใครหลายคน เพราะจะส่งผลต่อผู้ที่เสียผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ บ้านเมืองกำลังมีปัญหา
โดยเฉพาะเรื่องของปากท้อง แต่นักการเมืองยังคงมุ่งหวังผลประโยชน์ของตัวเอง การตัดสินใจของนายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดินในครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่ชัดเจนและถูกต้องที่สุดในการเมืองแบบใหม่ที่ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดไว้