อุดรธานี - ดีเจถ่อย “ขวัญชัย” ประกาศลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมืองแล้ว อ้างเพื่อเคลื่อนไหวต้านพันธมิตรฯ ได้เต็มที่ ไม่ต้องถูกเชื่อมโยงทางการเมือง ทะลึ่งฝากความถึง “สนธิ ลิ้มทองกุล” อ้างยังมีเรื่องต้องสังคายนากันอยู่ พร้อมท้าพันธมิตรฯ เปิดเวทีปราศรัยในอุดรฯ จะตอบทุกคำถามที่ข้องใจ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายขวัญชัย ไพรพนา ให้สัมภาษณ์
รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา (29 ก.ค.) ที่สถานีวิทยุชุมชน 90.50 MHz นายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา นักจัดรายการวิทยุชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดอุดรธานี และในฐานะแกนนำชมรมคนรักอุดรที่นำแก๊งอันธพาลไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ ได้แถลงข่าวประกาศลาออกจากตำแหน่งข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรนา กล่าวถึงการเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมานั้น ในฐานะที่ตนมีตำแหน่งทางการเมืองอยู่ จึงทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก โดยสื่อมวลชนได้พยายามเชื่อมโยงตำแหน่งประธานชมรมคนรักอุดรไปเกี่ยวข้องกับตำแหน่งทางการเมือง ทำให้ตนมีความรู้สึกว่าตนทำงานเคลื่อนไหวมวลชนได้ไม่เต็มที่
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ตนต้องเชิญนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาร่วมด้วย แต่วันนี้ตนได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งทางการเมืองแล้ว เท่ากับว่าตนได้ถอดหัวโขนออกแล้ว ซึ่งจะทำให้ตนทำงานเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เต็มที่มากขึ้น โดยจะดำเนินงานในฐานะประธานชมรมคนรักอุดร
นอกจากนี้ นายขวัญชัยยังได้กล่าวฝากถึง นายสนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำ 5 พันธมิตรฯ อีกว่า “ขอให้ทางพันธมิตรฯ ฟังไว้ให้ดีนะ ให้อัดเทปรายการคลื่นวิทยุ 97.50 ไว้ เรามีเรื่องจะต้องสังคายนากันอยู่” โดยท้าให้กลุ่มพันธมิตรฯ มาตั้งเวทีที่จังหวัดอุดรธานี ให้นำเรื่องที่ทางพันธมิตรฯ นำไปพูดบนเวทีมาพูดกับตน หากตนตอบคำถามไม่ได้ตนจะหยุดการเคลื่อนไหวทันที
นายขวัญชัย กล่าวถึงแนวทางในการเคลื่อนไหวต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า ทางกลุ่มชมรมคนรักอุดรจะทำการรักษาพื้นที่ไว้ ซึ่งขอยืนยันว่าหากกลุ่มพันธมิตรฯ มีการปราศรัย หรือมีการจัดตั้งเวทีทางชมรมคนรักอุดรก็จะทำการจัดตั้งเวที และขับไล่เหมือนเดิม
ส่วนในวันที่ 2 สิงหาคม ชมรมคนรักอุดรยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวนำมวลชนเข้ากรุงเทพฯ เพื่อประทะกับพันธมิตรฯ เนื่องจากเราได้เคยเดินทางไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลให้รัฐบาลแก้ไขเอง