กาฬสินธุ์ - ชาวนากุ้งจังหวัดกาฬสินธุ์กว่า 1,000 ราย ประกาศลดพื้นที่การเลี้ยงกุ้งลงกว่า 50% หลังราคาลูกกุ้งปรับราคาขึ้นอีกถึงตัวละ 5 สตางค์ขณะที่ราคาขายกุ้งที่ปากบ่อกลับปรับตัวลดลง
นายเสนาะ ภูใบบัง เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการเลี้ยงกุ้งปีนี้จำเป็นต้องลดจำนวนและพื้นที่เลี้ยงกุ้งลงเพราะชาวนากุ้งกำลังประสบปัญหาหลายด้านทั้งสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่คือราคาของลูกกุ้งที่มีการปรับราคาขึ้นอีกถึงตัวละ 5 สตางค์โดยแต่ก่อนจะซื้อลูกกุ้งจากบริษัทเอกชนนราคาตัวละ 20-25 สตางค์
แต่ปัจจุบันได้มีการปรับราคาสูงขึ้นถึงตัวละ 30 สตางค์ ทำให้ต้นทุนในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น แต่ราคาขายกุ้งก้ามกรามที่ปากบ่อจากที่ราคากิโลกรัมละ 150 บาทกลับมีราคาลดลงโดยปัจจุบันขายที่กิโลกรัมละ 140 บาท
ด้านนายไพฑูรย์ คันธนาม ประธานสมาพันธ์ผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้จากการสำรวจพบว่าสมาชิกผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามของจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีอยู่กว่า 1,000 ราย ได้ลดพื้นที่เลี้ยงกุ้งหรือบางรายได้หยุดการเพาะเลี้ยงในปีนี้ไปเลยเนื่องจากผลกระทบจากราคาลูกกุ้งที่แพงขึ้นแต่ราคาขายกลับมีการปรับลดลง ทำให้สมาชิกของสมาพันธ์ผู้เลี้ยงกุ้งทนแบกรับกับภารค่าใช้จ่ายที่สูงและเสี่ยงต่อการขาดทุนไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาชิกผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามของจังหวัดกาฬสินธุ์ยังคงมีสมาชิกเท่าเดิมอยู่แต่พื้นที่ลดน้อยลง โดยแต่ก่อนในพื้นที่เฉพาะในอำเภอยางตลาดและอำเภอเมืองกาฬสินธุ์บางส่วนจะมีพื้นที่เลี้ยงกุ้งเฉลี่ยแล้วกว่า 10,000 บ่อ/ไร่ แต่จากการสำรวจแล้วในปีนี้เหลือไม่ถึง 5,000 บ่อ หรือเฉลี่ยที่ 50% เท่านั้น ซึ่งในอนาคตแนวโน้มจะทำให้กุ้งก้ามกรามขาดตลาด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่กุ้งก้ามกรามจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและจะทำให้เกษตรกรขาดรายได้จำนวนมาก
สำหรับพื้นที่ในจังหวัดกาฬสินธุ์กว่า 10,000 ไร่ ในอำเภอยางตลาดอำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์นับว่าเป็นแหล่งเลี้ยงกุ้งก้ามกรามที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานและในช่วงที่กุ้งเจริญเติบโตพร้อมที่จะจำหน่ายปริมาณกุ้งที่ออกสู่ตลาดจะสูงถึงวันละ 30 ตันต่อวันและมีเงินหมุนเวียนในการซื้อขายกุ้งก้ามกรามสูงถึงวันละ 10 ล้านบาท
