เชียงราย- แกนนำพันธมิตรฯเชียงรายเตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้องดำเนินคดีกลุ่มม็อบถ่อย หลังยกกำลังล้อมบ้าน ทำลายทรัพย์สินเสียหาย พร้อมประกาศสู้ตาย ขณะที่ ส.ส.พปช.เมืองพ่อขุน ปัดไม่เกี่ยวม็อบเสื้อแดง
หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงในนามกลุ่มคนเจียงฮายฮักประชาธิปไตย และกลุ่ม 24 มิถุนา ที่เคยสนับสนุนพรรคไทยรักไทย, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคพลังประชาชน มาโดยตลอด ยกกำลังไปปิดล้อมบ้านของ นายผ้าง พลชัย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุชุมชนห้วยไคร้ 107.5 เมกะเฮิรตซ์ เมื่อเย็นวันที่ 19 ก.ค.2551 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ตลอดทั้งวันของวันนี้ (20 ก.ค.) กลุ่มแฟนรายการของสถานีได้โทรศัพท์เข้าสายวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง ทั้งกรณีปิดล้อมบ้าน นายผ้าง และบ้าน นางเตือนใจ ดีเทศน์ รวมถึงประณามการทำลายทรัพย์สินต่างๆ ทั้งของรัฐ และผู้อื่นของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างหนัก
นายผ้าง พลชัย แกนนำพันธมิตรฯแม่สายกู้ชาติ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอพยานหลักฐานภาพถ่าย และภาพวิดีโอจากสื่อมวลชนและช่างภาพหนังสือพิมพ์ ที่อยู่ในเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงปิดล้อมบ้านพักของตนใน ต.ห้วยไคร้ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.เนื่องจากกลุ่มม็อบเสื้อแดง มีการทำลายทรัพย์สินหลายรายการ เช่น ใช้ด้ามธงงัด และตัดสายไฟฟ้าแรงสูงบริเวณมิเตอร์จ่ายไฟ จนกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ใช้ขวดและจุดประทัดยักษ์โยนเข้ามาในบ้านพัก และยังมีการปีนขึ้นไปบนหลังคาทุบกระเบื้องหลังคาจนแตกกว่า 10 รู กำลังเตรียมรวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด
แกนนำพันธมิตรฯเชียงราย กล่าวอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้หวั่นไหว มีเพื่อนคนรู้จักได้นำอาวุธปืนแมกกาซีน ยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ขนาด 9 มม.มาให้ตนพกติดตัว ป้องกันเหตุร้าย ซึ่งทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากมีค่าหัวแล้ว เวลาจะเดินไปไหนในบ้านทุกจุด ต้องกำอาวุธปืนติดมือไว้ตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าภัยมืดจากกลุ่มการเมืองจะมาเยือนเมื่อไหร่ แต่ยังขอสู้ตาย ถ่ายทอดรายการ ASTV ผ่านสถานีต่อไป เพราะมีกำลังใจจากผู้ฟังแน่นตลอด 3 ชั่วโมงที่จัดรายการ
“เหตุการณ์นี้ก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริงในยุคประชาธิปไตยปัจจุบัน ทำให้ต่อไปนี้ตนคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ส่วนที่ว่าจะปฏิบัติกิจกรรมอย่างไรต่อไปนั้น ตนก็คงจะจัดรายงานวิทยุต่อไปและถ่ายทอดคลื่นปกติ 107.5 เมกะเฮิรตซ์ ต่อไป เพราะที่ผ่านมายืนยันว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมา นอกจากจะระมัดระวังยังเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ เอาไว้ก่อน หากมีปัญหาเกิดขึ้นอีกและถึงขั้นต้องฟ้องร้องกันขึ้นจะได้มีหลักฐานครบถ้วนไม่ต้องล่าช้าในชั้นสอบสวน”
อย่างไรก็ตาม ตนก็ได้เก็บรวบรวมหลักฐานในวันเกิดเหตุเอาไว้ก่อน เช่น ประทัดที่ถูกยิงเข้าไปภายในสำนักงาน ถ่ายภาพความเสียหายของกระจก 4 บาน ซึ่งก็ได้ซ่อมแซมไปแล้ว ตนยังถูกชกที่หน้า 1 ที แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก เนื่องจากอยู่คนละฟากของลูกกรงประตูเข้าออก
มีรายงานแจ้งด้วยว่า นายสุเมธ พรหมใจสา แกนนำกลุ่มรักษ์แม่สาย และเป็นเครือข่ายแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯแม่สายกู้ชาติ ได้ถูกมือมืดปากระจกบ้านพักจนแตก ได้รับความเสียหาย ซึ่งแกนนำพันธมิตรฯ คาดว่า เป็นฝีมือของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจาก นายสุเมธ เป็นระดับแกนนำที่เข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตรฯมาตั้งแต่ต้น อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ ใช้วิธีการนอกระบบมาสร้างสงครามจิตวิทยา
ขณะที่ นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย เขต 1 พรรคพลังประชาชน และประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนทำงานอยู่ กทม.จึงติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น ซึ่งการเคลื่อนไหวจนอาจจะเกิดการประทะกันของคนสองกลุ่ม ไม่น่าจะเกิดขึ้น และอยากให้มีความสงบในพื้นที่ ซึ่งเรื่องที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวนั้น เป็นความคิดของชาวบ้านเอง อาจจะเนื่องจากไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯมาเคลื่อนไหวในพื้นที่เท่านั้น และฝ่าย ส.ส.ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในปัจจุบันกลุ่มต่อต้าน พธม.ยังคงรวมกลุ่มกันเพื่อเตรียมการเคลื่อนไหวต่อต้าน พธม.ต่อไป โดยแกนนำบางคน ยืนยันว่า การชุมนุมที่ผ่านมาไม่ได้มีความรุนแรง และแกนนำได้พยายามห้ามปรามผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่แล้ว หากว่าไม่ห้ามปรามอาจเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงมากกว่านี้ และหากจะมีการดำเนินคดีกับแกนนำก็พร้อมจะสู้คดี เพราะเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
ขณะเดียวกัน พบว่า การรวมกลุ่มของกลุ่มคนดังกล่าว แม้จะมีการก่อความรุนแรงหรือละเมิดสิทธิถึงขั้นปิดทางเข้าสนามบิน เพื่อค้นหาบุคคลโดยไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย หรือทำลายข้าวของคุกคามตามบ้าน และสำนักงานของบุคคลอื่น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ กระนั้นเป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตำรวจมีกำลังน้อยเมื่อเทียบกับการชุมนุมของกลุ่มคนดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นนักการเมืองใหญ่ที่ว่ากลุ่มคนให้ไปชุมนุมกันด้วย