ศูนย์ข่าวขอนแก่น - อดีตผู้ว่าฯ ขอนแก่น ลั่นข้าราชการจำนวนมากเลือกข้างสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่ยังไม่กล้าแสดงตัวอีกมาก แต่ตนในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่ลังเลที่จะยืนเคียงข้างพันธมิตรฯ ที่ออกมาให้ความรู้และความจริง ถึงพฤติกรรมชั่วของนักการเมืองและระบอบทักษิณ
นายกวี สุภธีระ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นหนึ่งในผู้ใหญ่ของจังหวัดขอนแก่น ที่ขึ้นเวทีปราศรัย ณ สวนสาธารณะ 200 ปี บึงแก่นนคร ของพันธมิตรฯ ขอนแก่น ซึ่งจัดขึ้นที่เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (14 ก.ค.) และประกาศเลือกข้างที่จะร่วมต่อสู้กับพี่น้องประชาชนเครือข่ายพันธมิตรฯขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด และเดินหน้าสร้างพัฒนาการเมืองใหม่ของเมืองไทย
นายกวี กล่าวย้ำว่า ภาคประชาชนมีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาการเมือง ต้องเข้าไปมีบทบาทในการเลือกตั้ง ตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองที่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเข้าไป นักการเมืองทั้ง ส.ส.และ ส.ว.เปรียบเสมือนลูกจ้างของประชาชน หากไม่ทำหน้าที่ผู้แทนราษฏร์ ที่ดีก็มีสิทธิ์ที่จะตรวจสอบ และฟ้องถอดถอนออกจากตำแหน่ง ไม่ต้องจ้างอีกต่อไป
กฏหมายรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ถือได้ว่าเป็นกฎหมายที่ดีที่สุด เพราะให้สิทธิเสรีภาพกับภาคประชาชนในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกขั้นตอน นักการเมืองจะอาศัยฐานเสียงของประชาชนเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ จากอำนาจทางการเมืองไม่ได้ง่ายๆ ลงชื่อแค่ 20,000 คนก็สามารถยื่นคำร้องถอดถอนนักการเมืองขี้ฉ้อออกจากตำแหน่งได้
ปัญหาเมืองไทยในขณะนี้มีแต่นักการเมืองเลว มุ่งเข้าสู่แวดวงการเมืองเพียงเพื่อต้องการใช้เป็นบันไดก้าวขึ้นสู่อำนาจ เสาะหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพรรคพวก เมื่อได้รับเลือกเข้าสู่สภาแล้วไม่เคยพูดถึงปัญหาของประชาชนเลย รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชไม่เคยคิดแม้แต่จะแก้ปัญหาความทุกข์ยากของชาวบ้าน ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงเท่าไหร่ไม่เคยสนใจ มุ่งแต่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของคนบางคน กลุ่มคนบางกลุ่ม
ที่น่าอดสูไปมากกว่านั้น คือ การวางเฉย ปล่อยให้คนในคณะรัฐบาล โดยเฉพาะ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ออกมาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์หลายครั้งหลายครา หากกลุ่มพันธมิตรฯไม่นำข้อมูลพฤติกรรมชั่วออกมาแฉและกดดันทางสังคม เชื่อว่านายจักรภพก็จะไม่ยอมลาออก เพราะมีคณะรัฐบาลให้ท้าย
นายกวี แสดงความเห็นต่อ โดยกล่าวว่า นายสมัคร นั้น มีอายุมากกว่าตนเพียงแค่ 9 วัน แต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวุฒิภาวะต่ำมาก นายสมัคร เป็น ส.ส.มานานเลยเข้าใจบทบาทตัวเองผิดคิดว่าตอนนี้เป็นแค่ ส.ส.การพูดจาจึงเหมือนไม่ใช่ผู้นำประเทศ ซึ่งต้องมีวุฒิภาวะอย่างมาก แต่พฤติกรรมการพูดจาแม้กระทั่งการพูดกับสื่อของนายสมัคร ยังเคยชินในการตอบด้วยบุคลิกเดิมสมัยเป็น ส.ส.สันดานเคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ตนไม่ลังเลที่จะเลือกข้างพันธมิตรและต่อต้านการขายชาติ ขายแผ่นดินตลอดจนระบบนักการเมืองที่อ้างมาจากการเลือกตั้ง แล้วจะทำอะไรกับแผ่นดินต่อไปก็ได้
“ผมกล้าที่จะประกาศตัวว่าเลือกข้างที่จะอยู่กับกลุ่มพันธมิตรฯไม่กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของคนในรัฐบาลที่ไม่เห็นแก่ชาติบ้านเมือง คิดแต่จะใช้อำนาจเพื่อตัวเอง สถานการณ์ในขณะนี้เชื่อว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจเองต่างก็ได้เลือกข้างกันหมดแล้ว เพียงแต่ไม่แสดงตัวเท่านั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกข้าง และประกาศตัวออกมาสู้กับอธรรมเพื่อรักษาประเทศชาติและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์”
นายกวี กล่าวอีกว่า สำหรับแกนนำพันธมิตรฯทั้ง 5 คนนั้น ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่น่ายกย่องในความเสียสละเพื่อส่วนรวม เป็นผู้กล้าอย่างแท้จริง แต่ละคนมีจริยธรรมสูง ไม่อยู่ภายใต้อาณัตินักการเมือง การเกิดขึ้นของพันธมิตรฯเพราะต้องการเข้ามาเป็นแกนนำในการแก้ปมปัญหาบ้านเมืองอย่างแท้จริง
ส่วนประเด็นการเมืองใหม่นั้น นายกวี ระบุว่า การเมืองใหม่จะขับเคลื่อนและเกิดขึ้นได้เร็วมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการตื่นตัวทางการเมืองของประชาชน ต้องรู้เท่าทันนักการเมืองชั่ว หากประชาชนตามเล่ห์เหลี่ยมนักเลือกตั้งได้ทัน เชื่อว่านักการเมืองเลวจะค่อยๆลดลงและหายไปจากเมืองไทย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนตื่นตัวรู้ทันนักการเมืองชั่วมากขึ้น เพราะมีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ซึ่งโทรทัศน์ช่องนี้จะเป็นเช่องทางที่สำคัญมากในการเปลี่ยนถ่ายการเมืองไทยยุคเก่าไปสู่การเมืองใหม่
“ผมเพียรพยายามบอกพี่น้องที่เป็น อบต.ทั้งหลายไปว่า ยุคสมัยนี้หากไม่ติดตั้งเอเอสทีวีให้ชาวบ้านดู ถือว่าโง่มาก ประชาชนท้องถิ่นควรจะได้รับการพัฒนาด้วยข้อมูลข่าวสารที่รอบด้านเป็นจริง อย่าปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารชาวบ้านเด็ดขาด ในความเป็นจริงแล้วชาวบ้านของเราไม่ได้โง่เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลข่าวสารเท่านั้น” นายกวี กล่าว
ล้อมกรอบ ประวัตินายกวี สุภธีระ
- เกิด 23 มิ.ย.2478 ที่ จ.ขอนแก่น
เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นที่เป็นชาวขอนแก่นคนแรก
เดินสู่เส้นทางการเมืองปี 2538 ลงสมัครรับเลือกตั้งปี 2538 สังกัดพรรคนำไทย จากนั้นรัฐบาลประกาศยุบสภา มีการเลือกตั้งใหม่ ปี 2539 ได้รับการติดต่อลงสมัครรับเลือกตั้งสังกัดพรรคความหวังใหม่
จนกระทั่งปี 2542 ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา เป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ของจังหวัดขอนแก่น ที่ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมซ้ำซากถึง 4 ครั้ง โดยนายกวีได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ขอนแก่นในปี 2543
ปัจจุบัน นายกวี อายุ 73 ปี ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านพักส่วนตัวที่หมู่บ้านราชาซิตี้ จ.ขอนแก่น
ตัดสินใจขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จ.ขอนแก่น วันที่ 14 ก.ค.2551 โดยไม่ลังเล ทั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลเปรียบเสมือนลูกจ้างของประชาชน การที่ตนเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ และในฐานะเป็นประชาชนคนไทย จึงจำเป็นที่ต้องออกมาร่วมต่อสู้เคียงข้างพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณและนักการเมืองที่ชั่วร้าย มีพฤติกรรมโกงกิน ทุจริตคอรัปชั่น และการขายชาติขายแผ่นดินแลกกับการเข้าไปทำธุรกิจของอดีตนายกฯทักษิณและพวกพ้อง ซึ่งประชาชนเป็นเจ้าของบ้าน ต้องลุกออกมามีส่วนร่วมในการขับไล่คนชั่วและจะนำไปสู่การเมืองใหม่ที่ประชาชน จะมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงไม่ใช่เพียงมีส่วนร่วมแค่การเลือกตั้งเท่านั้น