ศรีสะเกษ- ประธานประชาคมกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จี้ รัฐเลิกง้อเขมรหวังการท่องเที่ยว หนุนปิดประตูทางขึ้น “ประสาทพระวิหาร” ตลอดไป ย้ำไม่เห็นด้วยที่ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ จะไปเจรจาระดับท้องถิ่นกับกัมพูชา เพื่อขอเปิดประตูเหล็ก ระบุทำไม่ถูกกาลเทศะและไม่สมควรอย่างยิ่งท่ามกลางคนไทยกำลังโศกเศร้าเสียใจทั่วประเทศ ชี้ สิ่งเร่งด่วนที่ควรทำคือต้องผลักดันชาวเขมรพ้นเขตแดนไทยเชิงเขาพระวิหารโดยเร็ว ปล่อยไว้นานไทยเสียดินแดนเพิ่มแน่
วันนี้ (11 ก.ค.) นายสนอง ห้วยจันทร์ ประธานประชาคมอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า กรณีที่ฝ่ายกัมพูชายังคงปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตั้งแต่ 23 มิ.ย.ผ่านมา และคณะกรรมการมรดกโลก องค์การยูเนสโก ได้มีมติเห็นชอบขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ตามคำเสนอของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียวไปแล้ว นั้น ตนและประชาชนศรีสะเกษเห็นว่าควรที่จะให้ฝ่ายกัมพูชาปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหารตลอดไป
ทั้งนี้ เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการปิดประตูเหล็กดังกล่าวไม่ได้ ทำให้ จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบด้านธุรกิจการท่องเที่ยวมากมายนักและที่ผ่านมาคนในท้องถิ่นได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวนี้น้อยมาก ขณะนี้มีปัญหาเพียงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับชาวกัมพูชาบริเวณอุทยานแห่งชาติ ที่ยังมีปัญหาหนี้สินค่าสินค้าติดค้างกันอยู่ ซึ่งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม
นายสนอง กล่าวต่อว่า พวกเราไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ประกาศว่า จะไปเจรจาระดับท้องถิ่นกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อขอเปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหารเพียงเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวปราสาทพระวิหารได้และนำเม็ดเงินไปให้ฝ่ายกัมพูชา ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยประสบอยู่
ในขณะเดียวกัน เขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ยังคงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางโบราณวัตถุสำคัญต่างๆ อีกมากมาย เช่น สถูปคู่ สระตราว ซึ่งเป็นบ่อน้ำศักดิ์ และเชื่อว่า เป็นจุดที่ตัดหินนำเอาไปสร้างปราสาทพระวิหาร รวมทั้งภาพแกะสลักหินนูนต่ำอายุกว่า 1,500 ปี ใต้หน้าผามออีแดง ที่พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวได้ตลอดเวลา อีกทั้งในพื้นที่ศรีสะเกษและจังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสานตอนล่าง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวโบราณสถานขอมโบราณที่สวยงาม ทรงคุณค่าอีกจำนวนมาก
“การที่ ผู้ว่าฯ ศรีสะเกษ จะไปงอนง้อให้กัมพูชาเปิดประตูทางขึ้นเขาพระวิหาร นับว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งและทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของประเทศไทยด้วย เพราะขณะนี้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศกำลังเศร้าโศกเสียใจที่จะต้องสูญเสียดินแดนอธิปไตยบริเวณเขาพระวิหารจากการที่ยูเนสโกขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่ฝ่ายเดียวให้กับกัมพูชา” นายสนอง กล่าว
นายสนอง กล่าวย้ำว่า ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลไทย และทหารไทย ควรดำเนินการทันทีในขณะนี้ คือ การผลักดันชาวกัมพูชาที่เข้ามาตั้งชุมนุมสร้างบ้านเรือนร้านค้าอย่างถาวร อยู่ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารซึ่งเป็นเขตแดนไทยให้ออกไปจากเขตแดนไทยโดยเร็ว เพราะหากปล่อยทิ้งทอดเวลานานออกไปอีกประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนอธิปไตยบริเวณนี้ให้กับกัมพูชาอีกอย่างแน่นอน