กาญจนบุรี - พบแม่เฒ่าวัย 109 ปี อยู่อย่างรันทดที่อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี บ้านเก่าพุพังแถมยังต้องดูแลหลานที่ลูกของตนเองนำมาปล่อยให้เลี้ยงอีก เผยแม้แต่ห้องสุขายังไม่มี ขณะที่สายตาเริ่มมองไม่เห็น วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือด้วย
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านใน ต.หนองโสน, อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรีว่า ที่บ้านน้ำลาด เลขที่ 84 หมู่ 6 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี มีแม่เฒ่าอายุกว่า 100 ปี ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องที่อยู่อาศัย และเรื่องน้ำดื่มน้ำบริโภคที่ใช้ในแต่ละวันร่วมไปถึงห้องน้ำที่ต้องไปใช้กลางแจ้ง
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อเดินทางถึงบ้านหลังดังกล่าว พบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร มีบันไดขึ้นบ้าน 3 ขั้น หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่ามากมีสภาพผุกร่อนเป็นรูโหว่จำนวนมาก ส่วนฝาบ้านทำจากไม้รวก
เมื่อเข้าไปภายในบ้านพบแม่เฒ่าวัยอายุกว่า 100 ปีนั่งอยู่ภายในบ้าน ข้างกายของแม่เฒ่าพบเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 2 ปีเศษอยู่ในสภาพถูกผูกติดกับแม่เฒ่าอยู่
สอบถามนางน้ำหวาน วงษ์คำมี อายุ 56 ปี บุตรสาวคนเล็กของแม่เฒ่า ทราบว่าแม่เฒ่าผู้นี้ชื่อนางสุข วงษ์คำมี อายุ 109 ปี เป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวซึ่งได้พักอาศัยอยู่กับนางน้ำหวาน พร้อมเหลนอีก 3 คน นางน้ำหวาน เล่าให้ฟังว่าแม่ของตนคือนางสุข มีลูกด้วยกันทั้งหมด 10 คนเสียชีวิตไปแล้ว 6 คน ส่วนพี่อีก 2 คนหายสาบสูญที่เหลืออีก 2 คน คือ ตนกับพี่ชายอีก 1 คน
นางน้ำหวาน กล่าวต่อว่า พี่ชายของตนที่เหลืออีก 1 คนครอบครัวยากจนและมีลูกมากไม่สามารถมาช่วยเหลือตนและเลี้ยงดูแม่และหลานๆ ได้ ตนต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงแม่และหลานๆ เพียงคนเดียวมาโดยตลอดในแต่ละวันตนจะได้ค่าจ้างทำงานมาวันละ 140 บาท ได้มาก็ไม่พอกิน และเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาลูกสาวของตนซึ่งมีครอบครัวแล้วได้นำลูกชายหญิงมาทิ้งไว้ให้กับตนอีก 2 คน และหลังจากที่นำลูกมาทิ้งไว้กับตนแล้วก็ไม่เคยได้ส่งเสียเงินให้เลยแม้แต่บาทเดียว
จนสุดท้ายลูกสาวและลูกเขยของตนได้หายสาบสูญไปอีก ตนจึงต้องให้ลูกสาวคนเล็กคือ น.ส.ไพลิน สระเสียงดี อายุ 18 ปีลาออกจากโรงเรียนในขณะที่เรียนหนังสืออยู่ชั้น ป.5 เพื่อให้มาช่วยเลี้ยงหลานและยาย ซึ่งขณะนี้แม่ของตนเริ่มมองไม่เห็นบ้างแล้ว หูก็ตึงจึงต้องมีคนคอยดูแล
นางน้ำหวาน กล่าวต่อว่า ความที่ครอบครัวของตนยากจน ตนต้องหาเลี้ยงครอบครัวซึ่งมีด้วยกัน 5 ชีวิตเพียงคนเดียว ความเป็นอยู่ในครอบครัวก็ยิ่งลำบากหนักขึ้น ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอกิน ตนจึงต้องให้ลูกสาวคือ น.ส.ไพลิน มาช่วยรับจ้างทำงานช่วยทางบ้านอีกคน
โดยปล่อยให้แม่อยู่บ้านกับหลานๆ ตามลำพังโดยหลานชายคนเล็กที่มีอายุ 2 ปี 5 เดือน ก่อนที่ตนจะออกไปทำงานนอกบ้านตนก็จะผูกหลานชายไว้กับแม่ เป็นผู้ดูแลแทน เพราะถ้าเราปล่อยให้เด็ก 2 ขวบอยู่ตามลำพังเด็กอาจจะเกิดอันตรายได้ ตนจึงจำเป็นต้องผูกติดแม่ไว้ หลานไปไหนแม่ก็จะไปด้วย ในช่วงพักตนก็จะเดินทางมาดูแลแม่และหลานเป็นอย่างนี้ทุกวัน ส่วนเรื่องอาหารการกินบางวันเพื่อนบ้านก็นำมาให้บ้าง บางครั้งก็ซื้อกิน มีก็กินไม่มีก็อด ชีวิตเป็นอย่างนี้ทุกวัน
“ชีวิตครอบครัวของฉันลำบากมาก บ้านที่อยู่อาศัยทุกวันนี้ก็ใกล้พังเต็มทนแล้ว ช่วงหน้าฝนหลังคาบ้านก็รั่ว ที่หลับที่นอนแทบไม่ พวกเราต้องนั่งตากฝนอยู่ในบ้านเวลาจะเข้าห้องน้ำห้องส้วมก็ไม่มี จะถ่ายแต่ละครั้งก็ต้องไปถ่ายกลางไร่กลางป่า ในส่วนของน้ำดื่มที่ใช้รับประทานก็ต้องใช้น้ำในสระที่ใช้เลี้ยงวัวนำเอามาดื่มกินมาดื่มแทน” นางน้ำหวานกล่าว
นางน้ำหวาน กล่าวท้ายสุดว่า ชีวิตครอบครัวของตนแสนจะลำบากจึงอยากวอนฝากสื่อมวลชนไปถึงผู้ใจบุญช่วยซ่อมแซมบ้านทีอยู่อาศัยให้กับครอบครัวตนด้วย