พิจิตร-หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เจอผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้ำมันแพง ทยอยเข้าคิวเจ๊งเป็นแถว ศูนย์จำหน่ายสินค้าของทางราชการและ อบจ.แทบไปไม่รอด ร้านค้าของที่ระลึกตามปั๊มน้ำมันเหงาเหตุราคาน้ำมันแพงส่งผลคนไม่เข้าปั๊ม
นายประทีป ขำม่วง พัฒนาการจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงผลกระทบจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นว่า ทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตรเงียบเหงา ส่งผลถึงสินค้าโอทอปของจังหวัดพิจิตรที่เคยมีการจดทะเบียนไว้ 375 รายแบ่งเป็นสินค้าระดับ 5 ดาว 2 ราย ระดับ 4 ดาว 35 ราย ระดับ 3 ดาว 33 ราย ระดับ 2 ดาว 42 ราย ระดับ 1 ดาว 8 ราย
ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มที่ต้องการการพัฒนาและต่อยอด ต่างทยอยปิดกิจการเลิกผลิตกันเป็นแถวจะอยู่รอดก็เพียงกลุ่ม 4 ดาวและ 5 ดาวเท่านั้น ที่มีความเข้มแข็งทั้งทางด้านการผลิตและการตลาด นอกนั้นเจ๊งเกือบหมดแล้ว
นอกจากนี้ แม้แต่ร้านจำหน่ายสินค้าโอทอปของทางราชการที่เคยเปิดกิจการจำหน่ายของกิน ของใช้ ของฝาก ของที่ระลึกที่บริเวณวัดท่าหลวงพระอารามหลวงที่ลงทุนเช่าอาคารของวัดเดือยละ 1,200 บาทและจ้างพนักงานขายเดือนละ 3 พันบาท อีกทั้งใช้งบผู้ว่าฯ CEO ตกแต่งสถานที่ไปกว่า 5 แสนบาท
นอกจากนี้ยังมีศูนย์จำหน่ายสินค้าของ อบจ.พิจิตร ที่ลงทุนสร้างอาคารใช้งบประมาณไปถึงเกือบ 6 ล้านบาทที่บริเวณด้านหน้าของบึงสีไฟ ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิจิตร
ขณะนี้ก็ประกาศปิดกิจการเนื่องจากขายไม่ดี ไม่พอค่าจ้าง ค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงที่สินค้าที่ฝากขายไว้ตามปั๊มน้ำมัน เมื่อน้ำมันขึ้นราคา คนก็เข้าปั๊มน้อยลง ของกินของฝาก สินค้าโอทอปก็พลอยขายไม่ได้ไปด้วย สรุปว่าธุรกิจขายสินค้าโอท็อปยิ่งทำยิ่งขาดทุน ของที่เอาไปวางเรียงหรือตั้งโชว์ก็เสื่อมสภาพ เนื่องจากสินค้าไม่หมุนเวียน ไม่มีนักท่องเที่ยวมาซื้อเหมือนดั่งเคย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้กลุ่มผู้ผลิตสินค้าโอทอปที่เคยทำกันมากถึง 375 ราย ขณะนี้เหลืออยู่รอดจริงๆเพียง 57 รายเท่านั้น อีกทั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาก็ขาดการเหลียวแลและส่งเสริม ทั้งทางด้านงบประมาณและการประชาสัมพันธ์อีกด้วย หน่ำซ้ำเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและระดับจังหวัดก็ถังแตก ไม่มีงบประมาณค่าน้ำมันที่จะลงไปในพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำหรือพัฒนาสินค้าโอทอป จนกลายเป็นเหตุให้ทุกวันนี้สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดพิจิตรอยู่ในสภาพรอวันตายและมีแนวโน้มจะมากขึ้นอีกด้วย
อีกสาเหตุหนึ่งที่สินค้าโอทอปของพิจิตร เดิมทีเดียวเป็นอาชีพเสริมหลังจากว่างจากการทำไร่ไถนา แต่ทุกวันนี้ข้าวมีราคาแพง ชาวนาจึงหันไปทำนากันทั้งปี จนมีรายได้หลักจากการขายข้าวเป็นกอบเป็นกำ จึงเมินการรวมกลุ่มผลิตสินค้าโอทอปดังกล่าว