ศูนย์ข่าวศรีราชา- “ทนายสุวัตร” เตรียมทำหนังสือแจ้งศาล กรณี “วรเจตน์” ให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องเขาพระวิหาร เป็นการวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาของศาลว่าเป็นในทางการเมือง ซึ่งมีนัยว่าศาลไม่ได้ตัดสินบนตัวบทกฎหมาย แต่มีการเมืองมาบีบบังคับศาล ซึ่งถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล
นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ เผยในระหว่างการเดินทางสัมมนาที่โรงแรมเคปราชา ศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่าจากกรณีที่ศาลปกครองมีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวในเรื่องการแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา กรณีเรื่องปราสาทพระวิหาร ต่อมามีนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาให้สัมภาษณ์ โดยการให้สัมภาษณ์หากเป็นในฐานะนักวิชาการก็เป็นสิ่งที่ทำได้และถูกต้อง แต่การให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้เป็นการวิภาควิจารณ์คำพิพากษาของศาลว่าเป็นในทางการเมือง ดังนั้นจึงมีนัยว่าศาลไม่ได้ตัดสินบนตัวบทกฎหมาย แต่มีการเมืองมาบีบบังคับศาล ซึ่งตนถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล
เรื่องนี้ตนจะทำหนังสือแจ้งไปที่ศาลเพื่อให้ศาลรับทราบว่ามีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นอกจากนั้นยังมีเว็บไซต์ “ประชาไท” นำไปลง ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเว็บไซต์ดังกล่าวมีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ที่สำคัญเว็บไซต์ได้นำไปขยายความเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ตนจึงได้ทำคำร้องไปยังศาลปกครองให้เรียกอาจารย์วรเจตน์มาสอบถามว่าการมีพูดออกไปนั้นมีความหมายอย่างไร โดยหากเป็นการละเมิดอำนาจศาล ก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกับอาจารย์วรเจตน์
นายสุวัตร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนั้นอาจารย์วรเจตน์ยังได้ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลปกครองไม่มีอำนาจที่จะรับคดีนี้ไว้พิจารณา ซึ่งเรื่องนี้การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่ได้ศึกษาข้อมูลคำฟ้องของตน เพราะอาจารย์วรเจตน์พูดถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เพียงอย่างเดียว แต่ข้อมูลที่ฟ้องนั้นมีระเบียบบริหารราชการแผ่นดินด้วย โดยฟ้องว่านายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ได้นำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะแผนที่ที่นำเสนอ ครม.นั้นก็ไม่มีความละเอียดและชัดเจน
ที่สำคัญ ครม.ใช้เวลาในการพิจารณาเพียงวันเดียว และมีเอกสารเพียงแผ่นเดียวที่ขึ้นมาโชว์ โดยเป็นแผนที่ที่ประเทศกัมพูชาทำมาเท่านั้น และไม่ละเอียดเพียงพอที่จะดำเนินการได้ แต่กระทรวงการต่างประเทศนำไปลงนามและนำเสนอเป็นมติ ครม. ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน จึงเป็นอำนาจศาลปกครองที่จะดำเนินคดีนี้ได้ และตนก็ได้ฟ้องไปแล้ว
ศาลปกครองก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าคำฟ้อง ของตนเข้าเขตและรับคำฟ้องไปแล้ว และการออกมาวิภาควิจารณ์เช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นนักวิชาการก็ตามต้องระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความระมัดระวัง และต้องเชิงวิชาการเท่านั้น โดยไม่ใช่เชิงคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลปกครอง แต่อย่างไรก็ตาม การจะออกมาคัดค้านจะต้องอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยไม่ใช่ออกมาวิจารณ์เช่นนี้
ทั้งนี้ หากคำร้องดังกล่าวศาลเห็นด้วย ทางศาลจะมีหมายเรียกอาจารย์วรเจตน์มาสอบถามในสิ่งที่พูดออกไปมีความหมายอย่างไร และกรณีที่ลงในเว็บไซต์ “ประชาไท” ศาลก็จะพิจารณาลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล
