ลำปาง - สาธารณสุขลำปาง เตือนอันตรายจากกลอยที่นำมาประกอบอาหาร ชี้มีพิษแต่รับประทานได้ หากกำจัดพิษให้หมด มิเช่นนั้นอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หายใจขัด และหมดสติ วอนผู้ผลิต พ่อค้าแม่ค้ากำจัดพิษให้ถูกวิธีก่อนนำไปประกอบอาหาร เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ประชาชนในภาคเหนือต่างก็รู้จัก “กลอย” เป็นอย่างดี แต่จากการตรวจสอบพบว่ากลอยเป็นพืชที่มีพิษ และพิษจะอยู่บริเวณหัว ซึ่งสารพิษที่พบเรียกว่า ไดออสคอรีน มีฤิทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เป็นอัมพาต หรืออาจจุทำให้หยุดหายใจได้
นอกจากนี้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการปวดแสบ ปวดร้อนและคันที่ปากและคอ คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง หายใจขัด หมดสติ และถ้ารับประทานมากๆ อาจทำให้ถึงตายได้ หลังจากรับประทานแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง
ส่วนผู้ที่ได้รับพิษเข้าไปก็จะมีอาการรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทานและความต้านทานของแต่ละคน ซึ่งปริมาณสารพิษก็จะแตกต่างกันไปด้วยเช่นเดียวกันขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว หากเป็นช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะเดือนสิงหาคม กลอยจะมีพิษมากที่สุด ฤดูร้อน เดือนเมษายนจะมีพิษน้อยที่สุด
ดังนั้น กลอยที่จะนำมาใช้ประกอบอาหารจะต้องผ่านขั้นตอนการกำจัดสารพิษอย่างเพียงพอและถูกวิธี ด้วยการปลอกเปลือกทิ้งแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือประมาณ 3 วัน ระหว่างนี้ให้เปลี่ยนน้ำเกลือหลายๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหล ประมาณ 3-7 วัน หรือมากกว่านั้น เพื่อให้น้ำชำระสารพิษออกให้หมดแล้วนำไปนึ่งให้สุกเพื่อประกอบอาหารต่อไป และที่สำคัญห้ามรับประทานดิบๆ เป็นอันขาด ผู้บริโภคควรระมัดระวังในการซื้ออาหารที่มีกลอยเป็นส่วนประกอบ
เช่น ถั่วทอดผสมกลอย ข้าวเหนียวหน้ากลอย กลอยแกงบวด ให้ซื้อจากผู้ผลิตที่ไว้วางใจได้ว่าใส่ใจในการกำจัดพิษของกลอยจนหมดก่อนนำมาประกอบอาหาร เพราะผู้บริโภคไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น ผู้ขายควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย โดยพิถีพิถันในการกำจัดสารพิษในหัวกลอยให้หมดก่อนนำมาจำหน่ายหรือประกอบอาหาร
นพ.ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยว่า ประชาชนในภาคเหนือต่างก็รู้จัก “กลอย” เป็นอย่างดี แต่จากการตรวจสอบพบว่ากลอยเป็นพืชที่มีพิษ และพิษจะอยู่บริเวณหัว ซึ่งสารพิษที่พบเรียกว่า ไดออสคอรีน มีฤิทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เป็นอัมพาต หรืออาจจุทำให้หยุดหายใจได้
นอกจากนี้ อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการปวดแสบ ปวดร้อนและคันที่ปากและคอ คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง หายใจขัด หมดสติ และถ้ารับประทานมากๆ อาจทำให้ถึงตายได้ หลังจากรับประทานแล้วประมาณ 6 ชั่วโมง
ส่วนผู้ที่ได้รับพิษเข้าไปก็จะมีอาการรุนแรงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทานและความต้านทานของแต่ละคน ซึ่งปริมาณสารพิษก็จะแตกต่างกันไปด้วยเช่นเดียวกันขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่เก็บเกี่ยว หากเป็นช่วงฤดูฝนโดยเฉพาะเดือนสิงหาคม กลอยจะมีพิษมากที่สุด ฤดูร้อน เดือนเมษายนจะมีพิษน้อยที่สุด
ดังนั้น กลอยที่จะนำมาใช้ประกอบอาหารจะต้องผ่านขั้นตอนการกำจัดสารพิษอย่างเพียงพอและถูกวิธี ด้วยการปลอกเปลือกทิ้งแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ นำมาแช่ในน้ำเกลือประมาณ 3 วัน ระหว่างนี้ให้เปลี่ยนน้ำเกลือหลายๆ ครั้ง หรือแช่ในน้ำไหล ประมาณ 3-7 วัน หรือมากกว่านั้น เพื่อให้น้ำชำระสารพิษออกให้หมดแล้วนำไปนึ่งให้สุกเพื่อประกอบอาหารต่อไป และที่สำคัญห้ามรับประทานดิบๆ เป็นอันขาด ผู้บริโภคควรระมัดระวังในการซื้ออาหารที่มีกลอยเป็นส่วนประกอบ
เช่น ถั่วทอดผสมกลอย ข้าวเหนียวหน้ากลอย กลอยแกงบวด ให้ซื้อจากผู้ผลิตที่ไว้วางใจได้ว่าใส่ใจในการกำจัดพิษของกลอยจนหมดก่อนนำมาประกอบอาหาร เพราะผู้บริโภคไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้น ผู้ขายควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคด้วย โดยพิถีพิถันในการกำจัดสารพิษในหัวกลอยให้หมดก่อนนำมาจำหน่ายหรือประกอบอาหาร
