ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลุ่มสหภาพฯ กปภ. ร่วมกับสำนักงานประปาพัทยา แถลงการณ์กรณีคัดค้านโครงการพัฒนาระบบการประปาในปี 2551 ในวงเงิน 2,208 ล้านบาท ชี้ในที่ประชุมบอร์ดบริหาร กปภ.สั่งระงับการดำเนินการแล้ว แต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อป้องกันความสับสน
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายธรรมรัตน์ รำขวัญ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค นายธานี ทองประชุม ผู้จัดการสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา ร่วมแถลงการณ์ชี้แจงผลการประชุมของคณะกรรมการและบอร์ดบริหาร กปภ.ที่ผ่านมาต่อผู้สื่อข่าวและประชาชนที่มารอฟังผล ณ ห้องประชุมสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคพัทยา จ.ชลบุรี ว่า
ในที่ประชุมของบอร์ด กปภ.ได้แจ้งผลมติการประชุมในเรื่องที่มีการคัดค้านกรณีโครงการพัฒนาระบบการประปาในปี 2551 ในวงเงิน 2,208 ล้านบาท ที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาดำเนินการว่าขณะนี้ได้มีคำสั่งระงับเรื่องดังกล่าวแล้ว
นายธรรมรัตน์ ชี้แจงว่าเกิดความเข้าใจผิดกันในประเด็นที่ว่า การประชุมได้มีการพิจารณาที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาซื้อกิจการการประปาส่วนภูมิภาค สายพัทยา แต่ที่จริงแล้วเป็นเพียงการเสนอตัวของภาคเอกชน ในส่วนที่จะเข้ามาบริหารจัดการโครงการการพัฒนาระบบการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคพัทยาเท่านั้น ที่ใช้งบประมาณจำนวน 803 ล้าน เพื่อพัฒนาในการเพิ่มกำลังน้ำประปาของเมืองพัทยาในสูงขึ้น บริเวณโรงกรองน้ำหนองกลางดง และโรงกรองน้ำมาบประชัน โดยให้เพิ่มขึ้นจากเดิมในอัตรา 1.2 แสน ลบ.ม./วัน เป็นเพิ่มขึ้นอีก 35,000 ลบ.ม./ชม. โดยไม่ใช่กรณีที่จะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการซื้อกิจการ และรับดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบของการประปาในทั้ง 3 พื้นที่หลัก ได้ ชลบุรี-พัทยา-แหลมฉบัง แต่อย่างใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางกลุ่มสหภาพฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายธานี ให้ข้อมูลว่า ในส่วนของการประปาชลบุรีและพื้นที่แหลมฉบัง จากผลประชุมของบอร์ด ได้มอบหมายให้ทาง กปภ.ดำเนินการจัดการให้เอง แต่ทว่าในส่วนของพื้นที่เมืองพัทยานั้น ปัจจุบันที่มีการใช้น้ำกว่า 1.2 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน และมีอัตราการใช้เพิ่มสูงอีกปีละ 7% จึงมีแนวคิดในการของบอีกจำนวน 803 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังผลิต แต่ กปภ.ไม่มีงบสนับสนุน ที่ผ่านมาทางบริษัทบริหารจัดการทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรืออีสวอเตอร์ จึงเข้ามาเสนอตัวในการจัดทำโครงการให้ทั้งระบบและขายน้ำประปาให้กับเมืองพัทยา แต่เมื่อเกรงว่าทางภาคเอกชนจะเข้ามาฮุบกิจการของรัฐ จึงมีมติให้จัดดำเนินการเอง โดยเสนอของบตามขั้นตอนต่อไป
ทั้งนี้ ตัวแทนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนและประชาธิปไตยพัทยา-นาเกลือ เปิดเผยว่า หลังรับทราบข้อมูลแล้ว ก็รู้สึกมีความพอใจในการรับฟังการชี้แจงครั้งนี้ในระดับหนึ่ง ซึ่งหลายฝ่ายอาจมองว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่ในนามของประชาชนคนพื้นที่เมืองพัทยาจะไม่นิ่งนอนใจต่อการชี้แจงดังกล่าว ซึ่งจะได้ติดตามข้อมูลรายละเอียดเรื่องการดำเนินการโครงการพัฒนาระบบการประปาส่วนภูมิภาคพัทยาอย่างต่อเนื่อง และอยากให้ทาง กปภ.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการถือหุ้นของ กปภ.ว่ามีหน่วยงานหรือผู้ใดถือหุ้นอยู่บ้างอย่างละเอียด และจะได้ติดตามความเคลื่อนไหวการดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างเข้มข้นต่อไป