ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันฯ ภาคอีสาน มอบต้นมัน “ห้วยบง 80” สายพันธุ์ใหม่คุณภาพสูงให้เกษตรกรทดลองปลูก 100,000 ต้น เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่และเชื้อแป้งรองรับการขยายตัวของอุตฯแป้งมันและเอทานอล ด้านนายกสมาคมฯ เผยราคาพุ่ง 2.20 บาท/กก. ส่งผลเกษตรกรเลิกปลูกอ้อยแห่ปลูกมันฯคาดผลผลิตปี 2551 ทะลักสู่ตลาด พ.ย.นี้ กว่า 30 ล้านตัน จากความต้องการทั่วประเทศ 25 ล้านตัน ชี้ห่วงปัญหาล้นตลาดราคาตก แนะรัฐบาลเร่งช่วยเหลือกำหนดมาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทนรับมืออย่างชัดเจน
วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถ.ราชสีมา-โชคชัย กม.ที่ 6 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทางสมาคมได้ทำพิธีมอบต้นพันธุ์มันสำปะหลัง ห้วยบง 80 ให้แก่เกษตรกรในเครือข่ายและสมาชิกของสมาคม เพื่อการปลูกทดลอง จำนวน 100,000 ตัน โดย นายปราโมทย์ กงทอง นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังฯ เป็นประธานในพิธีมอบ และมีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ภาคอีสานเข้ารับต้นพันธุ์มัน จำนวนกว่า 200 คน
ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรได้ใช้ต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ของมันสำปะหลัง ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง โดยเฉพาะการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอล ซึ่งเป็นพลังงานทดแทน และเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรด้วย
นายปราโมทย์ กงทอง นายกสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ต้นพันธุ์มันสำปะหลังห้วยบง 80 เป็นพันธุ์มัน ใหม่ล่าสุด ที่มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาและวิจัย พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมา โดยเป็นพันธุ์ลูกผสมระหว่างพันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 กับ พันธุ์ระยอง 5 เป็นพันธุ์มัน ที่ได้รับการปรับปรุง และพัฒนาให้มีเชื้อแป้งสูงกว่า และให้ผลผลิตสูงใกล้เคียงกับพันธุ์ห้วยบง 60 ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพตรงกับต้องการของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังและพลังงานทดแทนเอทานอล
สมาคมได้รับการการจัดสรรต้นมันสำปะหลัง ห้วยบง 80 จากมูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย จำนวน 200,000 ต้น โดยทำการส่งมอบให้แล้ว 100,000 ต้น วันนี้ทางสมาคม จึงนำมาแจกจ่ายให้สมาชิกและเกษตรกรในภาคอีสาน ได้นำไปปลูกและขยายพันธุ์ต่อไปอีก 100,000 ต้น โดยเกษตรกรที่ได้ต้นพันธุ์ไปทดลองปลูกนั้น จะต้องรับผิดชอบในการรายงานผลการเพาะปลูก ดูแลการเจริญเติบโต และจะต้องคืนท่อนพันธุ์ในสภาพที่สมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่กำหนดตามจำนวนที่ได้รับไป
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกมัน กำลังประสบปัญหาต้นทุนในการเพาะปลูกสูงขึ้นทั้งปุ๋ยมีราคาแพง และค่าขนส่งที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน ประกอบผลผลิตต่อไร่ต่ำเฉลี่ยประมาณ 2-3 ตัน/ไร่เท่านั้น แม้ว่าราคามันจะอยู่ในระดับดี ณ วันนี้ราคาหัวมันสดหน้าโรงงานแป้งมัน รับซื้อที่กิโลกรัมละ 2.20 บาท แต่ในความเป็นจริงเกษตรกรไม่เคยไม่ราคาตามนั้น เพราะหัวมันสำปะหลัง มีเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งน้อย และหัวขนาดเล็กจึงทำให้ขายไม่ได้ราคา
“หากต้นพันธุ์ใหม่ คือ ห้วยบง 80 ให้ผลผลิตต่อไร่ได้มากถึง 5 ตัน/ไร่ ตามผลการทดลอง ก็จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งมันสำปะหลังพันธุ์ห้วยบง 80 นี้ทางมูลนิธิสถาบันฯ ได้จัดสรรให้เฉพาะพื้นที่ภาคอีสานและตะวันออกทดลองปลูกก่อน และจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป” นายปราโมทย์ กล่าว
นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับฤดูกาลผลิตมันสำปะหลังปี 2551 นี้ พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเปรียบเทียบทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากราคาดี จูงใจให้เกษตรกรที่เคยปลูกอ้อยหรือพืชชนิดอื่น หันมาปลูกมันสำปะหลังแทนมากขึ้น ทางสมาคมฯ คาดว่าทั่วประเทศจะมีมันสำปะหลังออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 30 ล้านตัน จากความต้องการทั่วประเทศที่มีอยู่ 25 ล้านตัน
“ดังนั้น ในส่วนที่เกินจากความต้องการกว่า 5 ล้านตัน สมาคมฯ มีความเป็นห่วงในเรื่องผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกร ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลจะต้องเข้ามาช่วยเหลือ ที่สำคัญรัฐบาลต้องเร่งให้ความชัดเจน ในเรื่องนโยบายและมาตรการส่งเสริมพลังงานทดแทน โดยเฉพาะเอทานอลให้เร็วที่สุด เพื่อรองรับกับผลผลิตมันสำปะหลังที่จะออกสู่ตลาดในเดือน พ.ย.นี้” นายปราโมทย์ กล่าว
