พะเยา - อปท.ยำรัฐบาลละเลงงบแก้ รธน.แต่ไม่แยแสความเดือดร้อนประชาชน ลั่นพร้อมใจจะไม่ลงประชามติ น้อยใจรัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องส่วนตัวนักการเมือง มากกว่าเรื่องปากท้องคนทั้งประเทศ
นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ นายเทศมนตรีตำบล (ทต.) ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนบุคคล อันเป็นผลประโยชน์ของคนบางคนหรือบางกลุ่มมากเกินไป ดังจะเห็นได้ชัดจากการที่เร่งรีบดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550
ทั้งนี้ หากมองให้ลึกถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรัฐบาล เป็นเพียงการต้องการที่จะช่วยเหลือบุคคลทางการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น หาใช่ความต้องการที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น การที่รัฐบาลจะนำงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท มาดำเนินการจัดการลงประชามติเพื่อแก้ไข รธน.นั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้อย่างยิ่ง เพราะถือว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายก ทต.ดงเจน กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ตนคิดว่าไม่คุ้มค่าที่รัฐบาลจะใช้งบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท ในการดำเนินการแก้ไข รธน.เนื่องจาก ความเดือดร้อนเรื่องปากท้องของประชาชนทั่วประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้กำลังรุนแรงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของราคาผลผลิตพืชผลด้านเกษตรกรรมที่ตกต่ำแทบทุกอย่าง สืบเนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงอันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญมีราคาสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปัจจัยการผลิตประเภทอื่น ๆ อาทิ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช ฯลฯ สูงตามไปด้วย สุดท้ายเมื่อรวมต้นทุนการผลิตภาคเกษตรกรรมจึงทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงอย่างมากเป็นประวัติการณ์
“ขณะนี้ปัญหาราคาข้าวเปลือกที่กำลังตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชาวนาได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัส และถือว่าย่ำแย่อย่างมาก แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังทุ่มเทความสำคัญให้กับการแก้ไข รธน.ฉบับ ปี 2550 ดังนั้น หลายฝ่ายจึงเห็นว่าไม่เหมาะสมกับเวลา รัฐบาลควรตระหนักเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนโดยเร่งด่วนที่สุด จะโยนภาระให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คงจะไม่สามารถแบกรับได้ทั้งหมด เพราะ อปท.มีงบประมาณที่จำกัดบางครั้งก็ไม่พอสำหรับการบริหารจัดการ หากรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชนก็ควรแก้ปัญหาเรื่องปากท้องอันเป็นเรื่องส่วนรวมก่อน ส่วนเรื่องการแก้ไข รธน.ชะลอไปก่อนยังไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด”
นายสุรพล เต็มสวัสดิ์ นายเทศมนตรีตำบล (ทต.) ดงเจน อ.ภูกามยาว จ.พะเยา กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า รัฐบาลกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องส่วนบุคคล อันเป็นผลประโยชน์ของคนบางคนหรือบางกลุ่มมากเกินไป ดังจะเห็นได้ชัดจากการที่เร่งรีบดำเนินการตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2550
ทั้งนี้ หากมองให้ลึกถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรัฐบาล เป็นเพียงการต้องการที่จะช่วยเหลือบุคคลทางการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น หาใช่ความต้องการที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศแต่อย่างใด ดังนั้น การที่รัฐบาลจะนำงบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท มาดำเนินการจัดการลงประชามติเพื่อแก้ไข รธน.นั้น โดยส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้อย่างยิ่ง เพราะถือว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
นายก ทต.ดงเจน กล่าวต่อว่า เหตุผลที่ตนคิดว่าไม่คุ้มค่าที่รัฐบาลจะใช้งบประมาณจำนวน 2,000 ล้านบาท ในการดำเนินการแก้ไข รธน.เนื่องจาก ความเดือดร้อนเรื่องปากท้องของประชาชนทั่วประเทศที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้กำลังรุนแรงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของราคาผลผลิตพืชผลด้านเกษตรกรรมที่ตกต่ำแทบทุกอย่าง สืบเนื่องจากน้ำมันเชื้อเพลิงอันเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญมีราคาสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ปัจจัยการผลิตประเภทอื่น ๆ อาทิ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช ฯลฯ สูงตามไปด้วย สุดท้ายเมื่อรวมต้นทุนการผลิตภาคเกษตรกรรมจึงทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงอย่างมากเป็นประวัติการณ์
“ขณะนี้ปัญหาราคาข้าวเปลือกที่กำลังตกต่ำ ทำให้เกษตรกรชาวนาได้รับความเดือดร้อนอย่างสาหัส และถือว่าย่ำแย่อย่างมาก แต่ขณะเดียวกันรัฐบาลกำลังทุ่มเทความสำคัญให้กับการแก้ไข รธน.ฉบับ ปี 2550 ดังนั้น หลายฝ่ายจึงเห็นว่าไม่เหมาะสมกับเวลา รัฐบาลควรตระหนักเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนโดยเร่งด่วนที่สุด จะโยนภาระให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) คงจะไม่สามารถแบกรับได้ทั้งหมด เพราะ อปท.มีงบประมาณที่จำกัดบางครั้งก็ไม่พอสำหรับการบริหารจัดการ หากรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดวิกฤติศรัทธาจากประชาชนก็ควรแก้ปัญหาเรื่องปากท้องอันเป็นเรื่องส่วนรวมก่อน ส่วนเรื่องการแก้ไข รธน.ชะลอไปก่อนยังไม่เกิดความเสียหายแต่อย่างใด”
