พิษณุโลก - ป่าไม้จับเมียผู้ใหญ่บ้านหินประกาย อ.วังทอง ตั้งข้อหาบุกรุกป่าสงวนลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา ขณะที่ผู้ใหญ่ระดมพล ประท้วงหน้าศาลาจังหวัดฯ เรียกร้องของความเป็นธรรมกับผู้ว่าฯ อัดป่าไม้จับขณะปลูกข้าวโพด ยัดรุกป่าแผ้วถางป่า ทั้งๆ ที่ดินมีเอกสารสิทธิ บภท.5 เสียภาษีที่ดินทุกปีอย่างถูกต้อง
นายสำรวย ชมบุญ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่า พล.8 (น้ำยาง), นายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าหน่วยประสานงานป้องกันรักษาป่า (นปป.) ประจำจังหวัดพิษณุโลก และนายนันทพงษ์ คำปิน หัวหน้าสายตรวจป่าไม้ภาคเหนือ ได้นำกำลังป่าไม้เข้าตรวจสอบและยึดพื้นที่ป่าบ้านห้วยไผ่ หลังวัดวังยาง หมู่ที่ 8 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.51 หลังรับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา ถูกบุกรุกแผ้วถาง
ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ 1 แปลง พบชาย 2 คนวิ่งหนีหลังเห็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ส่วนหญิง 1 คนไม่วิ่ง และยันยันพื้นที่ทำกินที่กำลังปลูกข้าวโพด บนแปลงพื้นที่แผ้วถางตัดฟันไม้ ลักษณะไม่มีร่องรอยทำประโยชน์มาก่อน มีตอไม้ถูกฟันทั่วพื้นที่ ร่องรอยเก็บราสุมเผา พร้อมกับมีรถไทยประดิษฐ์ 1 คัน และรถไถนาพร้อมกระบะไม้พ่วง 1 คัน จอดอยู่บริเวณพื้นที่บุกรุกแผ้วถาง ข้างเพิงพักพิงชั่วคราว
ต่อมาหญิงคนดังกล่าวทราบชื่อต่อมาว่า นางเคี้ยม มูลติด เป็นภรรยาของนายแสวง มูลติด ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านหินประกาย ต.บ้านกลาง อ.วังทอง ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่า กระทำถูกต้อง ไม่ได้รุกป่า แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้สอบถามว่า มีหลักฐานที่ดิน แปลงกรรมสิทธิ์หรือไม่ ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรวจสอบพิกัด นางเคี้ยงได้วิ่งหลบหนี
ค่าพิกัดที่ตรวจสอบได้ 7 จุด เป็นพื้นที่ป่าบุกรุกแผ้วถาง เนื้อที่ 29 ไร่ 1 งาน ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา จึงได้ตั้งข้อหา ร่วมกันแผ้วถางป่า ยึดถือครองป่าไม้เพื่อประโยชน์ตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม และ พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 และ ยึดถือครอง แผ้วถาง ทำลายอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507
ต่อมาช่วงเย็นวันเดียวกัน ชาวบ้านหมู่ 8 ต.บ้านกลาง อ.วังทอง พิษณุโลก ได้เดินขบวนไปยังศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้าพบกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยระบุว่าชาวบ้านหินประกายมีความเดือดร้อนที่ดินทำกินถึงเวลา ตอนนี้เพาะปลูกทำการเกษตร แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะกรมป่าไม้มาจับและหาว่าชาวบ้านที่กำลังเพาะปลูกการเกษตรบุกรุกแผ้วถางป่า ทั้งๆ ที่ดินผืนที่กรมป่าไม้จับนั้น เป็นพื้นที่มีเอกสารสิทธิ บภท.5 และเสียภาษีที่ดินทุกปี อย่างถูกต้อง จึงเรียนมาโปรดช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านหินประกาย เนื่องจากกรมป่าไม้บุกจับชาวบ้านและตั้งข้อหาไม่เป็นธรรม จนไม่เป็นอันทำมาหากิน ลงชื่อ นายแสวง มูลติด และ นายสมหวัง จานทอง ตัวแทนชาวบ้าน
นายแสวง มูลติด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านหินประกาย ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เปิดเผยอีกว่า ที่ดินก็เสียภาษี บภท.5 เป็นประจำทุกปี หมู่บ้านของตนทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติลุ่มน้ำวังทองฝั่งขวา ทำการเกษตรกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมตลอด ส่งดำเนินคดีกับตำรวจ ต้องเสียเวลาหาเงินมาประกันตัว หาพบเครื่องมือการเกษตรก็จะตรวจยึด ครั้งนี้มาจับที่ดินของภรรยาของตน กำลังทำข้าวโพดเนื้อที่ 16 ไร่ ป่าไม้ก็ยึดรถอีแต๋นและรถอีโก้งไปอีก แต่นายทุนบุกรุกพื้นที่เป็น 1,000 ไร่กลับมองไม่เห็น พวกตนจึงรู้สึกทนไม่ไหวรวมตัวกันมาร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
ต่อมานายสงัด คุณพรหม เจ้าหน้าที่บริหารป่าไม้ 7 ที่มารับเรื่องร้องทุกข์แทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มารับเรื่องเพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าฯต่อไป
ด้าน นายสำรวย ชมบุญ หัวหน้าหน่วยป้องกันและรักษาป่า พล.8 (น้ำยาง) เปิดเผยว่า การจับกุม ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ครั้งนี้ หวั่นว่าเกิดม๊อบ เพราะไปจับเมียผู้นำชุมชน ทำให้ต้องนำพาของกลางคือ รถ 2 คันไปแยกย้ายเก็บ และต้องดำเนินส่งดดีที่ สภ.วังทอง ซึ่งการบุกจับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ในรอบปี 51 ส่วนปี 50 นั้นจับกุมกลุ่มญาติผู้ใหญ่แสวงจำนวน 3-4 คดีแล้ว สำหรับในปี 51 นี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จับครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มกราคม 51 ได้ตัวผู้ต้องหา 3 คน หนึ่งในสามผู้ต้องหา เป็นลูกชาย ผู้ใหญ่แสวง สามารถยึดรถคูโบต้า 1 คันและยึดพื้นที่บุกรุก 19 ไร่ 1 งาน รวมถึงไม้สักท่อน 8 ท่อน ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม ได้ยึดไม้ 51 ท่อน และต่อมายึดไม้อีก 16 แผ่น และยึดไม้อีก 13 แผ่น กรณีชาวบ้านร้องเรียนกับผู้ว่าฯ ก็ไม่สนใจ เพราะตนปฏิบัติหน้าที่ มิฉะนั้นจะบอกว่า ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก