ระยอง - สมาคมประมงปากน้ำประแส ประสบวิกฤตราคาน้ำมัน ประกาศขายท่าเรือ 27 ล้าน หาคนซื้อยาก ลดเหลือ 10 ล้านยังขายไม่ออก เจ้าของเรืออวนลากพากันจอดนิ่งนานนับเดือน ลูกเรือประมงหลายร้อยคนถูกส่งกลับ แนะรัฐแก้ปัญหารับซื้อเรือเปล่า เอาไปทิ้งทำปะการัง
นายสุธี เอื้อเฟื้อ นายกสมาคมประมงปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง และเป็นกรรมการสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย กล่าวว่าท่าเทียบเรือกลุ่มประมงประแส ตั้งอยู่ริมคลองประแส เป็นท่าเทียบเรือกลุ่มประมงกว่า 200 ลำ ส่วนใหญ่เป็นเรือขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และอีกส่วนหนึ่งจอดอยู่ที่ จ.สงขลาและอีกส่วนหนึ่งเข้าไปหากินในประเทศเพื่อนบ้าน และเรือประมงพื้นบ้าน ในสภาวะน้ำมันแพง จะอยู่ในอ่าวกันไม่ได้
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เข้าพบนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่ติดภารกิจ นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ที่ปรึกษา ได้รับการเสนอการแก้ไขปัญหาของกลุ่มประมงเฉพาะหน้า ในขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นไม่หยุด จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์จุดไฟเผาเรือที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งอาจจะลุกลามไปทั่ว 22 จังหวัดชายฝั่งทะเล
นายสุธี กล่าวว่าการนำเสนอ ให้รัฐย้ายน้ำมันเขียวที่อยู่ห่างจากฝั่ง 24 ไมล์ทะเล ชาวประมงขนาดกลางและขนาดเล็กไม่สามารถไปเติมน้ำมันได้เนื่องจากอยู่ห่างไกล ให้ย้ายมาจ่ายบนฝั่งโดยให้องค์การสะพานปลา สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย และสมาคมท้องถิ่น เป็นผู้ควบคุมดูแล นายสุธี กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาน้ำมันเขียวมีจำนวนไม่เต็มลิตร อย่างน้อยขาด 1 เปอร์เซ็นต์ และเป็นน้ำมันที่บางครั้งผสมน้ำจากการถูกกระแสคลื่นในทะเล ทำให้เครื่องยนต์เรือเกิดปัญหา ที่เป็นปัญหามาตลอด
ในส่วนของสมาคมปากน้ำประแส ได้เสนอภาครัฐในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะสถานการณ์ในขณะนี้มีการประกาศขายเรือจำนวนมากจากหลายอ่าว คิดว่าคนที่จะขายเรือคงไม่มีใครอยากขาย เพราะเป็นอาชีพหลักที่ทำมาหากินกันมานาน แต่ถ้าจะขายก็ให้ถอดเครื่องยนต์ อุปกรณ์ไปขายให้หมดเหลือเฉพาะตัวเรืออย่างเดียว ขายในราคาที่เป็นธรรมและให้รัฐหางบประมาณมาซื้อแล้วนำเรือไปทิ้งทะเลทำเป็นปะการังให้ปลา ที่ภูเก็ตยังขนเครื่องบินไปทิ้งทะเลทำเป็นปะการัง
ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ตั้งแต่ 20 – 35 เมตรขึ้นไป จะออกจับปลาในต่างประเทศ ซึ่งมีข้อดีคืออยากให้รัฐสนับสนุนการขอสัมปทานประเทศเพื่อนบ้านให้กลุ่มประมงขนาดใหญ่ เนื่องจากน้ำมันในประเทศมาเลเซียราคาลิตรละ 14 บาท อินโดนีเซียราคาลิตรละ 23 บาท ปลาโอที่ได้มาส่งเข้าโรงงานปลากระป๋องเป็นสินค้าส่งออก สร้างรายได้ให้กับประเทศ
นายสุธี กล่าวว่าขณะนี้ท่าเรือกลุ่มประมงปากน้ำประแส และเป็นที่ตั้งสมาคมประมงปากน้ำประแส มีเนื้อที่กว่า 4 ไร่เศษ ก่อตั้งมา 40 ปี ต้องประกาศขาย 27 ล้าน แต่ยังหาคนซื้อไม่ได้ ทราบว่าขณะนี้ลดลงมาเหลือเพียง 10 ล้านบาท เรือประมงขนาดใหญ่ต้องจอดจำนวนมาก เจ้าของเรือหลายลำคิดอยากจะขาย ถ้ามีคนมาซื้อ สถานการณ์น้ำมันขณะนี้ส่งผลกระทบกลุ่มเรือประมงปากน้ำประแสอย่างหนัก ส่วนลูกเรือหลายร้อยคนถูกส่งกลับหมด เรื่องนี้รัฐน่าจะรีบหาทางช่วยเหลือโดยด่วน
