ตราด - ชาวนาตราดแห่กู้เงิน ธ.ก.ส.ตราดเพิ่ม 100% หลังข้าวราคาสูงขึ้น ชี้แนวโน้มราคาลดลงขณะ ผจก.ธ.ก.ส.ตราด เตือนชาวนาระวัง ลงทุนเกินตัว ชี้ควรยึดแนว ศก.พอเพียง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตราด ว่า จากการที่ราคาข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้นระดับ 10,000 บาท/ตัน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ออกมากู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตราด มากขึ้นถึง 1 เท่าตัว
นายมานพ ทองศรีสมบูรณ์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาตราด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2551 มีเกษตรกรชาวนาได้นำเงินกู้มาชำระคืนให้กับ ธ.ก.ส.ตราด กว่าร้อยละ 90 เนื่องจาก ราคาข้าวเปลือกมีราคาสูง และเกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมามาก อย่างไรก็ตาม ก็มีเกษตรกรชาวนาได้ทำการขอกู้เงินจากธนาคาร เพื่อนำไปปลูกข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2551 เพราะราคาข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้น ซึ่งเกษตรกรชาวนาส่วนใหญ่ ขอกู้เพิ่มจากปี 2550 เพื่อปลูกข้าวเพิ่มขึ้นในพื้นที่นารกร้าง
“จนถึงวันนี้มีเกษตรกรเข้ามาขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ตราด จำนวน 150 ครัวเรือน และขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น 100% คือ ปี 2550 มีเกษตรกรขอสินเชื่อ 150 คน แต่วงเงินสินเชื่อมีแค่ 10 ล้านบาท แต่ปี 2551 มีเกษตรกรขอสินเชื่อ จำนวน 200 ราย เพิ่มขึ้น 50 ราย แต่จำนวนเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรลงทุนทำนาเพิ่มขึ้น”
นายมานพ กล่าวต่อว่า อยากจะฝากเตือนไปยังเกษตรกรชาวนา ว่า ไม่ควรจะคาดหวังผลกำไร จากราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้นโดยทุ่มเทซื่อปุ๋ยราคาแพง ขอให้ระมัดระวังเรื่องต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายสูงขึ้นควรจะยึด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เพราะหากราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มราคาต่ำลงจะทำให้เกษตรกรชาวนาขาดทุนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตราด ว่า จากการที่ราคาข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้นระดับ 10,000 บาท/ตัน ทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ออกมากู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาตราด มากขึ้นถึง 1 เท่าตัว
นายมานพ ทองศรีสมบูรณ์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาตราด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2551 มีเกษตรกรชาวนาได้นำเงินกู้มาชำระคืนให้กับ ธ.ก.ส.ตราด กว่าร้อยละ 90 เนื่องจาก ราคาข้าวเปลือกมีราคาสูง และเกษตรกรมีรายได้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมามาก อย่างไรก็ตาม ก็มีเกษตรกรชาวนาได้ทำการขอกู้เงินจากธนาคาร เพื่อนำไปปลูกข้าวในฤดูกาลผลิตปี 2551 เพราะราคาข้าวเปลือกมีราคาสูงขึ้น ซึ่งเกษตรกรชาวนาส่วนใหญ่ ขอกู้เพิ่มจากปี 2550 เพื่อปลูกข้าวเพิ่มขึ้นในพื้นที่นารกร้าง
“จนถึงวันนี้มีเกษตรกรเข้ามาขอสินเชื่อจาก ธ.ก.ส.ตราด จำนวน 150 ครัวเรือน และขอสินเชื่อเพิ่มขึ้น 100% คือ ปี 2550 มีเกษตรกรขอสินเชื่อ 150 คน แต่วงเงินสินเชื่อมีแค่ 10 ล้านบาท แต่ปี 2551 มีเกษตรกรขอสินเชื่อ จำนวน 200 ราย เพิ่มขึ้น 50 ราย แต่จำนวนเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรลงทุนทำนาเพิ่มขึ้น”
นายมานพ กล่าวต่อว่า อยากจะฝากเตือนไปยังเกษตรกรชาวนา ว่า ไม่ควรจะคาดหวังผลกำไร จากราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้นโดยทุ่มเทซื่อปุ๋ยราคาแพง ขอให้ระมัดระวังเรื่องต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายสูงขึ้นควรจะยึด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง เพราะหากราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มราคาต่ำลงจะทำให้เกษตรกรชาวนาขาดทุนได้
