ศูนย์ข่าวศรีราชา - กรมทางหลวงเตรียมผุดมอเตอร์เวย์ สุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทราเชื่อมต่อสระบุรี หลังจ้าง 3 บริษัท ลงสำรวจพื้นที่ ศึกษาข้อมูลผลกระทบความเป็นไปได้ รวมสามแนวทาง หลังใช้วิธีรุกเงียบแอบดอดเข้าพบปะระดับผู้นำชุมชน หาแนวร่วมสำรวจความคิดเห็น และศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ขณะชาวบ้านระบุเห็นด้วยที่จะมีทางหลวงเส้นใหม่ตัดผ่าน แต่ไม่อยากได้ถนนมอเตอร์เวย์ เหตุจากคนพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์น้อย และสร้างความยากลำบากในการสัญจรข้ามผ่านไปมา
เมื่อเย็นวานนี้ (22 พ.ค.) ที่ห้องประชุม อบต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา กลุ่มบริษัทผู้รับงานว่าจ้าง ในการลงสำรวจพื้นที่สำรวจตามโครงการทางหลวงแนวใหม่ สายท่าอากาศยาน สุวรรณภูมิ-ฉะเชิงเทรา ของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย บริษัทเอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด, บริษัท ไทย เอ็ม เอ็ม จำกัด และบริษัท ทรานส์คอนซัลท์ จำกัด ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อมาประชุมชี้แจงแนวทาง และสำรวจความคิดเห็นของแกนนำชุมชน ซึ่งประกอบด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้าน และนายก อบต.รวม 6 ตำบล คือ ต.ท่าไข่ ต.บางขวัญ ต.ก้อนแก้ว ต.บางแก้ว ต.โพรงอากาศ และ ต.คลองเขื่อน
นอกจากนี้ยังมี นายอิทธิ ศิริลัทยากร ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชาชน นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา เดินทางมาเข้าร่วมประชุมรับฟังแนวทางดังกล่าวด้วย
ในการประชุมได้มีการกำหนดแนวทางหลวงเส้นใหม่ไว้ 3 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 จุดเริ่มต้นจะอยู่ในเขตลาดกระบัง เชื่อมต่อจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพฯ-พัทยา กม.ที่ 17 ซึ่งอยู่ห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 5 กม.ไปยังด้านทิศเหนือของ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ผ่านพื้นที่ในหลายตำบล และไปสิ้นสุดโครงการยังเขต ต.ก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน ซึ่งจะไปบรรจบกับแนวเส้นทางของ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายสระบุรี-บางปะกง ที่ กม.109 รวมระยะทางทั้งสิ้น 39.195 กม.
แนวทางที่ 2 จุดเริ่มต้นจะเชื่อมต่อจากทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพฯ-พัทยา กม.ที่ 17 เช่นเดียวกัน แต่จุดปลายทางจะวกออกไปทางด้านทิศใต้ของ อ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยที่แนวเขตทางหลวงจะอยู่ชิดกับแนวเขตของทางรถไฟสายตะวันออกฝั่งทิศเหนือ และก่อนจะเข้าใกล้เขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา จะเบนออกไปยังด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ อ้อมไปบรรจบกับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายสระบุรี-บางปะกง ที่ กม.121 มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 44.765 กม.
แนวทางที่ 3 จุดเริ่มต้นเริ่มจากทางสายหลัก กม.0 ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านมาทางเขต อ.บางพลี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ อ.บ้านโพธิ์ เข้ามายังด้านทิศใต้ของ อ.เมืองฉะเชิงเทรา และเชื่อมต่อเข้ากับแนวทางที่ 2 ที่ ก่อนเข้าเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา ต.บางพระ รวมระยะทางไปบรรจบกับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายสระบุรี-บางปะกง ที่ กม.121 มีระยะทางทั้งสิ้น 47 กม.
นางศุภมิตร เกื้อรอด วิศวกรสิ่งแวดล้อมอาวุโส บริษัท ไทย เอ็ม เอ็ม จำกัด กล่าวว่า การลงพื้นที่เข้ามาสำรวจความคิดเห็นในครั้งนี้ เป็นการประชุมกลุ่มย่อยครั้งที่ 1 ซึ่งจะจัดขึ้นจำนวน 6 แห่ง ในเขตลาดกระบัง 2 แห่ง ในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา 4 แห่ง
โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นแห่งที่ 2 เพื่อนำความเห็นของประชาชนในเขตพื้นที่ ตามแนวถนนสายใหม่ ไปประกอบการพิจารณาคัดเลือกแนวเส้นทางเลือก และศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เริ่มโครงการสำรวจมาตั้งแต่ เดือน ก.ย.50 และจะสิ้นสุดโครงการในปลายปีนี้ (ธ.ค.51) รวมระยะเวลา 15 เดือน ก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาสำรวจพื้นที่ทั้ง 3 แนวทาง เสนอต่อกรมทางหลวง เพื่อบรรจุในแผนของโครงการทางหลวงต่อไป
ขณะที่ นายมณี ขวัญพิกุล อายุ 49 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเดินทางมาร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเห็นดีด้วยที่จะมีถนนทางหลวงตัดผ่านเข้ามาในหมู่บ้าน ซึ่งจะช่วยเรื่องการสัญจรไปมาจะได้สะดวกขึ้น แต่ในการเวนคืนที่ดินขอให้อยู่ในอัตรา ราคาที่เป็นธรรมเหมาะสมกับชาวบ้านด้วย
ส่วนนายอำนวย เพ็ญโฉม อายุ 51 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ท่าไข่ กล่าวว่า การที่จะมีทางหลวงสายใหญ่ตัดผ่านเข้ามาในพื้นที่ ถือว่าจะส่งผลดีต่อพื้นที่ให้มีความเจริญมากขึ้น แต่จะสร้างความยากลำบากในการสัญจรข้ามผ่านของชาวบ้าน ในการไปมาหาสู่กันระหว่างสองฝากฝั่งถนน รวมถึงอาจส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรม วัว ควาย และรถไถ ที่จะข้ามไปไม่ได้ หรือจะต้องอ้อมไปในระยะทางที่ไกลขึ้น หากเป็นไปได้ขอให้ตัดเป็นทางหลวงแบบธรรมดาจะดีกว่าที่ยังสามารถข้ามไปมาได้สะดวก
