บุรีรัมย์ - เกษตรกรบุรีรัมย์หลายราย ตัดสินใจเร่งเก็บมันสำปะหลังที่ยังไม่โตเต็มที่ออกขายแม้ได้กำไรน้อยเพื่อเร่งปรับพื้นที่หันมาปลูกข้าวแทน หลังรัฐบาลประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าปีนี้ตันละ 14,000 บาท ส่วนข้าวหอมฯสูงถึงตันละ 19,000 บาท พร้อมเรียกร้องรัฐบาล “หุ่นเชิด” ควบคุมราคาปุ๋ย น้ำ แก้ปัญหาความเดือดร้อนสินค้าอุปโภคบริโภคแพง ลดภาระค่าครองชีพให้กับปชช.รายได้น้อย
วันนี้ (20 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ว่า เกษตรกร บ.โนนยานาง ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ หลายรายที่ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่นา ได้เร่งเก็บมันสำปะหลังที่ปลูกได้เพียง 4 เดือน ขนาดยังไม่โตเต็มที่นำไปขายถึงแม้จะมีกำไรน้อยก็ตาม เนื่องจากเกษตรกรต้องเร่งปรับพื้นที่เปลี่ยนมาเพาะปลูกข้าวในฤดูกาลผลิต 2551/2552 นี้หลังรัฐบาลประกาศประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าในปีนี้สูงถึงตันละ 14,000 บาท,ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 19,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,000 บาท ในความชื้นไม่เกิน 15% ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าทุกปี
ทั้งนี้ หลังจากที่ผ่านมาเกษตรกรทำนาประสบปัญหาขาดทุนและมีหนี้สินผูกพันมาโดยตลอด เพราะราคารับซื้อข้าวไม่คุ้มกับการลงทุน ประกอบกับยังถูกพ่อค้าโรงสีข้าวกดราคา หักความชื้นและสิ่งเจือปน เอารัดเอาเปรียบเกษตรกร จึงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับซื้อข้าวจากเกษตรกรเอง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลางหรือนายทุน เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรง
นายสมหมาย บุญมาก อายุ 61 ปี เกษตรกร บ.โนนยานาง ต.พรสำราญ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปีนี้รัฐบาลจะประกาศประกันราคาข้าวเปลือกเจ้าให้ตันละ 14,000 บาท แต่หากเปรียบเทียบกับต้นทุนค่าปุ๋ย น้ำมันแล้วก็ยังถือว่าไม่คุ้มทุน จึงอยากให้รัฐบาลกำหนดราคาข้าวในราคาตันละ 20,000 บาท เพื่อให้เกษตรกรสามารถลืมตาอ้าปากได้ มีเงินใช้หนี้สินจากการกู้ยืมมาลงทุนทำนา
“พร้อมขอเรียกร้องให้ควบคุมราคาปุ๋ย น้ำมัน และข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันไม่ให้แพงเกินไป เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนที่มีรายได้น้อยดังกล่าวด้วย” นายสมหมาย กล่าว