บุรีรัมย์ - เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำตาลดิบของบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ ที่เก็บน้ำตาลดิบไว้แปรรูปเพื่อการส่งออกกว่า 30,000 ตัน ระดมรถดับเพลิงกว่า 50 คันสกัดเพลิงนานกว่า 12 ชั่วโมง คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 650 ล้านบาท เบื้องต้นสันนิษฐานเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
วันนี้ (16 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ ว่า เมื่อเวลา 22.00 น.คืนที่ผ่านมา (15 พ.ค.) ร.ต.ต.วุฒิพงษ์ ปานาลาด ร้อยเวรฯ สภ.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บน้ำตาลดิบ ของบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด บ้านโนนสาวเอ้ ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ที่เก็บน้ำตาลดิบไว้เพื่อแปรรูปส่งออกจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ลาว และมาดากัสก้ากว่า 30,000 ตัน มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งโกดังเก็บน้ำตาลดังกล่าวอยู่ห่างจาก โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ประมาณ 500 เมตร
โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างอย่างรวดเร็ว จึงได้ประสานรถดับเพลิงจาก อ.เมือง อ.คูเมือง อ.พุทไธสง อ.สตึก อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต.ที่อยู่ใกล้เคียงกว่า 30 คัน ช่วยกันระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงนานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ เนื่องจากน้ำตาลมีปฎิกิริยาเป็นกรด แก๊ส และแอลกอฮอล์ เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่มามุงดูเหตุการณ์เป็นอย่างมาก
จากนั้นจึงได้ประสานรถดับจากอีกหลายอำเภอกว่า 20 คัน มาช่วยระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง แต่เนื่องจากเป็นรถดับเพลิงธรรมดาขนาดเล็ก ไม่สามารถฉีดน้ำสกัดเพลิงที่อยู่ระหว่างกลางกองน้ำตาลทรายของโกดังได้ ทาง จ.บุรีรัมย์ และ นายวิเชียร ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหารบริษัทจึงได้ประสานรถดับเพลิงแบบกระเช้าจาก จ.นครราชสีมา และ จ.ขอนแก่น ที่สามารถฉีดน้ำบนมุมสูงได้ มาช่วยดับไฟที่กำลังโหมลุกไหม้
โดยมี นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.สมบัติ คงพิบูลย์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้เดินทางมาควบคุมและบัญชาการในการระงับเหตุเพลิงไหม้อย่างใกล้ชิดด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาระดมฉีดน้ำสกัดเพลิงตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าวันนี้ (16 พ.ค.) นานกว่า 12 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่ก็ยังมีเปลวควันคลุกรุ่น รถดับเพลิงกว่า 10 คัน จึงต้องเฝ้าตรึงระวังในบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะเกรงว่าเพลิงจะปะทุไหม้สร้างความเสียหายอีกรอบ
ส่วนน้ำตาลที่ถูกน้ำฉีดใส่ ประกอบกับถูกความร้อนของเปลวเพลิงเผาผลาญก็ได้ละลายกลายเป็นน้ำไหลนองพื้น เสียหายไปทั่วบริเวณทั้งในและนอกโกดังเป็นจำนวนมาก และถึงแม้เพลิงจะสงบลงแต่น้ำตาลที่เหลือ ที่ถูกน้ำเปียกชื้นทั้งถูกไฟไหม้ หากเก็บไว้หลายวันก็จะเป็นเชื้อราและแบคทีเรีย เปลี่ยนเป็นสีเขียว เมื่อนำไปแปรสภาพเป็นน้ำตาลทราย ก็จะเป็นน้ำตาลที่ด้อยคุณภาพ มีเปอร์เซ็นต์ความสูญเสียสูง
ต่อมาเมื่อเวลา 08.00 น.วันเดียวกันนี้ (16 พ.ค.) พล.ต.เอกศักดิ์ ไสยสุข ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ได้นำกำลังพล กว่า 100 นาย ช่วยกันระดมเก็บซากปะหลักหักพัง และระบายน้ำออกจากโกดังเก็บน้ำตาล
ส่วนค่าเสียหายจากการประเมินเบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 650 ล้านบาท สำหรับสาเหตุเพลิงไหม้เบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจกองวิทยาการเขต 2 จ.นครราชสีมา มาร่วมตรวจพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุเพลิงไหม้ที่แท้จริงอีกครั้ง
ทั้งนี้ ทางบริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด ได้ติดต่อบริษัทประกันภัย “ไทยพาณิชย์สามัคคี” ที่ทางบริษัทได้ทำประกันไว้ มาตรวจสอบเพื่อประเมินค่าความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้อีกครั้ง
