บุรีรัมย์ - บุรีรัมย์เกิดเหตุสลดลูกเขยผู้ใหญ่บ้าน ใช้มีดปลายแหลมทำครัวกระหน่ำแทงเมียนับ 10 แผล ดับอย่างโหดเหี้ยม หลังมีปากเสียงกันรุนแรง ก่อนตัดสินใจผูกคอตายตามเพื่อหนีความผิด ตำรวจสันนิษฐานสาเหตุหึงหวงเกรงภรรยาปันใจให้ชายอื่น
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ต.ทศพล ธีระเดช ร้อยเวร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่บ้านเลขที่ 13 ม.1 บ.ลังกา ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบชาวบ้านกำลังช่วยกันนำผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ นางพรรณทิพย์ ฉิมพลี อายุ 28 ปี ลูกสาว ของ นายสมพงษ์ ฉิมพลี อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งสภาพถูกแทงด้วยของมีคมได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ช่วยชีวิต แต่นางพรรณทิพย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตระหว่างทาง จากการตรวจสอบภาพศพพบถูกแทงบริเวณลำตัว ศีรษะ และแผ่นหลัง เป็นแผลฉกรรจ์ รวม 10 แผล
จากการสอบสวนชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายสุรศักดิ์ อินตา อายุ 34 ปี สามีของ นางพรรณทิพย์เอง คาดว่าน่าจะถูกแทงในห้องนอนแล้ว แล้วนางพรรณทพิพย์ พยายามตะเกียกตะกายวิ่งหนีลงมาเปิดประตูชั้นล่างในสภาพเลือดท่วมตัว แต่นายสุรศักดิ์ สามียังตามมากระหน่ำแทงซ้ำด้านหลังอีก 2 แผล จนนางพรรณทิพย์ล้มฟุบลงกับพื้นหน้าบ้าน
ตรวจสอบที่เกิดเหตุในห้องนอนบนชั้น 2 ของบ้าน พบร่องรอยคราบเลือดกระจายเต็มที่นอน และพื้น ทั้งยังพบมีดปลายแหลมทำครัวยาว 5 นิ้ว มีร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ ตกอยู่บริเวณหลังบ้าน คาดเป็นมีดที่ใช้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้กระจายกำลังออกติดตามตัว นายสุรศักดิ์ ผู้ก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะหลบหนีหรือหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่พบ
จนรุ่งเช้าวันเดียวกันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบศพชายใช้เชือกไนล่อนผูกคอตายใต้ต้นหว้า หลังบ้านที่เกิดเหตุแทงกันตายจึงเข้าตรวจสอบ พบว่าศพชายดังกล่าว คือ นายสุรศักดิ์ อินตา ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุแทงนางพรรณทิพย์ ภรรยาเสียชีวิต ตำรวจและหน่วยกู้ภัยจึงได้ช่วยกันนำศพลงจากต้นไม้
จากการสอบถามนางสำลี บุญมาก อายุ 52 ปี ป้าของ นางพรรณทิพย์ เล่าว่า คืนเกิดเหตุพ่อและแม่ของนางพรรณทิพย์ ไม่อยู่บ้านไปช่วยงานแต่งงานหลานที่ จ.นครนายก เมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 6 ทุ่ม ตนได้ยินเสียงนางพรรณทิพย์ และนายสุรศักดิ์ มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ขณะที่ลูกชาย 2 คนก็นอนหลับอยู่ภายในห้อง
จากนั้นได้ยินเสียงนางพรรณทิพย์ร้องตะโกนให้ช่วยจึงลุกขึ้นมาดูก็พบนางพรรณทิพย์ล้มฟุบอยู่กับพื้นบริเวณหน้าบ้านที่ในสภาพเลือดท่วมตัว ตนตกใจมากจึงร้องตะโกนให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่นางพรรณทิพย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้าน นางเสาวลักษณ์ ฉิมพลี แม่ของนางพรรณทิพย์ ผู้ตาย เล่าทั้งน้ำตาว่า ทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายคนโตอายุ 10 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 5 ปี ปัจจุบัน นางพรรณทิพย์ ลูกสาวเป็นลูกจ้างอยู่ร้านสยามคูโบต้า จำหน่ายรถไถนา ตั้งอยู่ตรงข้ามห้าง บิ๊กซี ส่วนนายสุรศักดิ์ ลูกเขยมีอาชีพรับจ้างทั่วไป
ระยะหลังทั้ง 2 คนมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากนายสุรศักดิ์ ระแวงว่าภรรยาจะแอบปันใจให้ชายอื่น จนบางวันจะแอบขับรถไปดูภรรยาที่ทำงาน เมื่อเห็นภรรยาพูดคุยกับเพื่อนชายที่ทำงานด้วยกันก็จะแสดงอาการไม่พอใจ บางครั้งเมื่อกลับมาบ้านก็จะมีปากเสียงกัน จนถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตีภรรยา แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าวขึ้น และทิ้งให้ลูกทั้ง 2 คนต้องเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นสันนิษฐานว่า สาเหตุที่นายสุรศักดิ์ก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวขึ้นอาจเกิดจากความหึงหวงระแวงภรรยาจะปันใจให้ชายอื่น เพราะก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จึงได้ตัดสินปัญหาด้วยการฆ่าภรรยา และผูกคอตายตามเพื่อหนีความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น
วันนี้ (14 พ.ค.) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ต.ทศพล ธีระเดช ร้อยเวร สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุแทงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่บ้านเลขที่ 13 ม.1 บ.ลังกา ต.ชุมเห็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น พบชาวบ้านกำลังช่วยกันนำผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ นางพรรณทิพย์ ฉิมพลี อายุ 28 ปี ลูกสาว ของ นายสมพงษ์ ฉิมพลี อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งสภาพถูกแทงด้วยของมีคมได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งโรงพยาบาลให้แพทย์ช่วยชีวิต แต่นางพรรณทิพย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตระหว่างทาง จากการตรวจสอบภาพศพพบถูกแทงบริเวณลำตัว ศีรษะ และแผ่นหลัง เป็นแผลฉกรรจ์ รวม 10 แผล
จากการสอบสวนชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุบอกว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายสุรศักดิ์ อินตา อายุ 34 ปี สามีของ นางพรรณทิพย์เอง คาดว่าน่าจะถูกแทงในห้องนอนแล้ว แล้วนางพรรณทพิพย์ พยายามตะเกียกตะกายวิ่งหนีลงมาเปิดประตูชั้นล่างในสภาพเลือดท่วมตัว แต่นายสุรศักดิ์ สามียังตามมากระหน่ำแทงซ้ำด้านหลังอีก 2 แผล จนนางพรรณทิพย์ล้มฟุบลงกับพื้นหน้าบ้าน
ตรวจสอบที่เกิดเหตุในห้องนอนบนชั้น 2 ของบ้าน พบร่องรอยคราบเลือดกระจายเต็มที่นอน และพื้น ทั้งยังพบมีดปลายแหลมทำครัวยาว 5 นิ้ว มีร่องรอยคราบเลือดติดอยู่ ตกอยู่บริเวณหลังบ้าน คาดเป็นมีดที่ใช้ก่อเหตุเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นได้กระจายกำลังออกติดตามตัว นายสุรศักดิ์ ผู้ก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ที่คาดว่าจะหลบหนีหรือหลบซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่พบ
จนรุ่งเช้าวันเดียวกันนี้ (14 พ.ค.) เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบศพชายใช้เชือกไนล่อนผูกคอตายใต้ต้นหว้า หลังบ้านที่เกิดเหตุแทงกันตายจึงเข้าตรวจสอบ พบว่าศพชายดังกล่าว คือ นายสุรศักดิ์ อินตา ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุแทงนางพรรณทิพย์ ภรรยาเสียชีวิต ตำรวจและหน่วยกู้ภัยจึงได้ช่วยกันนำศพลงจากต้นไม้
จากการสอบถามนางสำลี บุญมาก อายุ 52 ปี ป้าของ นางพรรณทิพย์ เล่าว่า คืนเกิดเหตุพ่อและแม่ของนางพรรณทิพย์ ไม่อยู่บ้านไปช่วยงานแต่งงานหลานที่ จ.นครนายก เมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 6 ทุ่ม ตนได้ยินเสียงนางพรรณทิพย์ และนายสุรศักดิ์ มีปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ขณะที่ลูกชาย 2 คนก็นอนหลับอยู่ภายในห้อง
จากนั้นได้ยินเสียงนางพรรณทิพย์ร้องตะโกนให้ช่วยจึงลุกขึ้นมาดูก็พบนางพรรณทิพย์ล้มฟุบอยู่กับพื้นบริเวณหน้าบ้านที่ในสภาพเลือดท่วมตัว ตนตกใจมากจึงร้องตะโกนให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันนำส่งโรงพยาบาล แต่นางพรรณทิพย์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ด้าน นางเสาวลักษณ์ ฉิมพลี แม่ของนางพรรณทิพย์ ผู้ตาย เล่าทั้งน้ำตาว่า ทั้งสองแต่งงานอยู่กินกันมา 10 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกชายคนโตอายุ 10 ปี ลูกชายคนเล็กอายุ 5 ปี ปัจจุบัน นางพรรณทิพย์ ลูกสาวเป็นลูกจ้างอยู่ร้านสยามคูโบต้า จำหน่ายรถไถนา ตั้งอยู่ตรงข้ามห้าง บิ๊กซี ส่วนนายสุรศักดิ์ ลูกเขยมีอาชีพรับจ้างทั่วไป
ระยะหลังทั้ง 2 คนมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง เนื่องจากนายสุรศักดิ์ ระแวงว่าภรรยาจะแอบปันใจให้ชายอื่น จนบางวันจะแอบขับรถไปดูภรรยาที่ทำงาน เมื่อเห็นภรรยาพูดคุยกับเพื่อนชายที่ทำงานด้วยกันก็จะแสดงอาการไม่พอใจ บางครั้งเมื่อกลับมาบ้านก็จะมีปากเสียงกัน จนถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตีภรรยา แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าวขึ้น และทิ้งให้ลูกทั้ง 2 คนต้องเผชิญชะตากรรมเพียงลำพัง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเบื้องต้นสันนิษฐานว่า สาเหตุที่นายสุรศักดิ์ก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าวขึ้นอาจเกิดจากความหึงหวงระแวงภรรยาจะปันใจให้ชายอื่น เพราะก่อนหน้านี้เคยมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จึงได้ตัดสินปัญหาด้วยการฆ่าภรรยา และผูกคอตายตามเพื่อหนีความผิดที่ตัวเองก่อขึ้น