เลย - อำเภอภูหลวง จัดวิวาห์กบ อึ่งอ่าง คืนสู่ห้องหอธรรมชาติแห่งแรกในประเทศไทย เผยเป็นกุศโลบายให้ชาวบ้านได้ร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์กบและอึ่งอ่าง ซึ่งถือเป็นอาหารป่าประจำท้องถิ่นที่เลื่องชื่อ แต่ละปีถูกจับขายกว่า 15 ตัน
วันที่ 5 พ.ค.ที่ผานมา องค์การบริหารส่วนตำบลหนองคัน ร่วมกับมูลนิธิเลยเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดกิจกรรมการแต่งงานหรือ วิวาห์กบ อึ่ง คืนสู่ห้องหอธรรมชาติขึ้น ณ วัดป่าภูผาแดง บ้านห้วยหอม ตำบลหนองคัน อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ นายอำเภอภูหลวง เป็นประธานในการแต่งงานกบ อึ่งอ่าง โดยถือฤกษ์วันฉัตรมงคล
พิธีได้เริ่มต้นขึ้นโดยถือฤกษ์ เวลา 09.09 น. ขบวนเจ้าบ่าวออกจากบ้านที่แยกบ้านหนองคัน แห่ไปตามถนนในหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะเดินไปยังวัดนั้น ชาวบ้านได้นำกบ เขียด อึ่งอ่าง เข้ามาร่วมขบวนร่วม 300 คน และเมื่อถึงบริเวณวัดป่าภูผาแดง ฝ่ายเถ้าแก่เจ้าบ่าวคือนายโสภณ นายอำเภอภูหลวง ได้นำสินสอดแสดงต่อธารกำนันได้เห็น ซึ่งเป็นเงินประมาณ 2,200 บาท และมีชาวบ้านร่วมใจกันเพิ่มเงินสินสอดอีก เป็นยอดรวมทั้งหมด 4,369,000 บาท (4,369 บาท คูณ 1,000 เพื่อเป็นเคล็ด ) จากนั้นหมอพราหมณ์ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ประธานกล่าวให้โอวาท โดยใจความของโอวาทนั้นก็จะบอกให้ เจ้าบ่าว เจ้าสาว ทั้ง 2 คู่นั้น รักกันและออกลูกออกหลานมาก และบอกให้ผู้มาร่วมงานได้รักธรรมชาติ
หลังจากเสร็จงานทางเจ้าบ่าวกบคือ นายสมยศ วิปัสสา นายก อบต.หนองคัน กล่าวขอบคุณ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานขณะทำการปล่อย คู่บ่าวสาว ลงสู่ห้องหอนั้น พระท่านก็สวดไชยันโตให้พรแด่กบ อึ่งอ่างด้วย เพื่อเป็นศิริมงคล
การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกำหนดเขตอนุรักษ์พันธุ์กบ และอึ่งอ่าง และสร้างจิตสำนึกให้คนในพื้นที่รู้จักการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรประเภทสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างยั่งยืน โดยในงานมีกบนาเข้าร่วมงานแต่งจำนวน 99 คู่ และอึ่งอ่างจำนวน 99 คู่ โดยมีกบที่ชื่อว่ากบทรงสิทธิ์ และกบสุวนันท์ ได้เข้าร่วมพิธีแต่งงาน และอึ่งอ่างที่มีชื่อว่า นายพันธุ์ดี และนางสาวลูกดก มาเข้าร่วมการแต่งงาน ซึ่งหวังว่ากิจกรรมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของสะสมอาหารไว้ให้ลูกหลานในยามที่ข้าวยาก น้ำมันแพง ไข่ลูกละ 4 บาท
ชาวบ้านและชุมชนตำบลหนองคันมีความผูกพันกับธรรมชาติเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำเลย ลำห้วยต่างในพื้นที่ การใช้ประโยชน์จากป่า เช่น เห็ด กบ อึ่ง เขียด จั๊กจั่น ซึ่งทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตชาวตำบลหนองคัน แต่ปัจจุบันพบว่าในการเข้าไปใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ เช่น ตามทุ่งนา ตามป่า ตามลำห้วย มีมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ข้าวมีราคาแพง น้ำมันราคาแพง ค่าครองชีพที่สูงมากขึ้น ทำให้ชุมชนต้องเข้าไปใช้ประโยชน์จากธรรมชาติเพื่อนำมาเป็นอาหารในยามที่สภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ
จากการศึกษาวิจัยของชาวบ้านภายใต้โครงการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างมีส่วนร่วมของประชาชนในประเทศไทยและลุ่มแม่น้ำโขง พบว่าในเขตพื้นที่ตำบลหนองคันและตำบลแก่งศรีภูมิ กบ อึ่งอ่างและเขียด นับว่าเป็นอาหารสำคัญอย่าหนึ่งของชุมชน โดยพบว่ามีการจับสัตว์ประเภทกบ 2 ชนิด คือกบหมื่น (กบภูเขา) และกบนา อึ่งอ่างมี 4 ชนิด คือ อึ่งเพ้า อึ่งบักแดง อึ่งยาง อึ่งอ่าง ซึ่งทั้งหมดถูกนำมาประกอบอาหารและนำมาขายในท้องตลาด ประมาณ 15,000 กิโลกรัมต่อปี
จากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น จำนวนประชากรของกบและอึ่งอ่างได้ลดจำนวนอย่างน่าตกใจ ซึ่งถ้าหากยังปล่อยให้มีการล่ามาเป็นอาหารและนำมาขาย ปริมาณของ กบ อึ่งอ่าง จะลดน้อยลงหรืออาจสูญหายไปในที่สุด ซึ่งจะทำให้อาหารที่มีอยู่ของชุมชนก็ลดน้อยลงไป
