อุบลราชธานี- ประธาน กกต.อุบลราชธานีเต้น หลัง “ประชา ประสพดี” ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ระบุพรรคประชาธิปัตย์ อาจถูกยุบพรรค เหตุ “วิฑูรย์ นามบุตร” รองหัวหน้าพรรคถูกใบแดง ด้าน กกต.อุบลฯ โต้ยังไม่มีการเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุม
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จ.อุบลราชธานี นายมนไท ประมูลจักโก ประธาน กกต.อุบลราชธานี เปิดเผยถึงกรณีที่ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า กกต.จังหวัดอุบลราชธานี มีมติ 4 ต่อ 1 ให้ใบแดง นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ดร.ศุภชัย ศรีหล้า ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อุบลราชธานี และนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่ทราบนายประชาไปเอาข้อมูลมาจากไหน
“เพียงแต่มีเรื่องร้องเรียนไปยัง กกต.กลางคัดค้านผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา จึงให้เชิญผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 มารับทราบที่ถูกร้องว่าให้ หรือใช้ตัวแทน หรือหัวคะแนนไปแจกตั๋วชมภาพยนตร์ ผู้ถูกร้องได้มารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมนำพยานบุคคลและหลักฐานมาชี้แจงกับกกต.จังหวัดในวันที่ 12 พ.ค.นี้ โดยกกต.จังหวัดจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้ กกต.กลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดตามเรื่องร้องเรียน กกต.จังหวัดยังไม่ได้มีการลงมติใดๆในเรื่องที่นายประชานำมากล่าวอ้างเลย” ประธาน กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในวันที่ 28 เม.ย.หลัง นายวิฑูรย์ นามบุตร รอง หน.พรรคประชาธิปัตย์ นำ ส.ส.ที่ถูกร้องมารับทราบข้อกล่าวหาได้กล่าวว่า การร้องคัดค้านผลการเลือกตั้งกรณีให้ตัวแทน หรือหัวคะแนน หรือผู้สนับสนุน แจกตั๋วหนังของโรงภาพยนตร์เนวาด้าเป็นการร้องหลังทราบผลการเลือกตั้ง
ทั้งที่ก่อนหน้ามีพนักงานสอบสวนที่ กกต.แต่งตั้งได้เชิญผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง รวมทั้งพยานไปสอบสวนมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยผลการสอบสวนครั้งนั้นมีความเห็นให้ยุติเรื่อง เพราะคดีไม่มีมูล เนื่องจากพวกตนไม่ได้แจกตั๋วหนังเพียงแต่มีบุตรชายของเจ้าของโรงภาพยนตร์เนวาด้ามาลงสมัครกับพรรคประชาธิปัตย์
นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ขณะนั้นได้แจ้งให้ กกต.ทราบว่า การแจกตั๋วหนังเป็นการประชาสัมพันธ์ของโรงภาพยนตร์แห่งนี้ ซึ่งทำมานานหลายปี โดยเจ้าของโรงภาพยนตร์ให้ตั๋วหนังเป็นรางวัลใช้จับสลากกาชาด หรือเป็นรางวัลให้แก่ผู้ตอบปัญหาชิงรางวัลตามสถานีเคเบิลทีวี หรือตามสถานีวิทยุ เป็นการทำธุรกิจและทำการประชาสัมพันธ์ตามปกติอยู่แล้ว
การแจกตั๋วหนังของโรงภาพยนตร์เนวาด้า จึงไม่เกี่ยวกับพวกตนและการเลือกตั้ง จะเกี่ยวอยู่ก็เพียงผู้สมัครรายหนึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าของโรงภาพยนตร์แห่งนี้ จึงไม่หนักใจและไม่ซีเรียสที่ กกต.เรียกมารับทราบข้อหาในวันนี้
