เชียงราย - พรานนักล่าปลาบึกชื่อดังชายแดนไทย-ลาว ได้จับปลาลักษณะคล้ายปลาบึก ได้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปิดเทศกาลล่าปลาบึกไทย-ลาว กลางแม่น้ำโขง โดยปลาที่จับได้ 3 ตัวนี้ เป็นปลาเทพา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าน้องปลาบึก เชื่อว่าเป็นสัญญษณว่าจะจับปลาบึกได้แน่
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งจาก นางปวันรัตน์ วงศ์สิริวณิชย์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาล ต.เวียงเชียงของ และเจ้าของร้านอาหารนางนวล ว่า เมื่อ 24 เม.ย.51 ที่ผ่านมา พรานปลาบึกเชียงของคือนายไชยา จินะราช ตระกูลพรานปลาบึกชื่อดัง ชายแดนไทย-ลาว ได้จับปลาลักษณะคล้ายปลาบึก ได้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปิดเทศกาลล่าปลาบึกไทย-ลาว กลางแม่น้ำโขง
ปลาที่จับได้ 3 ตัวนี้ เป็นปลาเทพา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าน้องปลาบึก เนื่องจากมีหน้าตาละหม้ายคล้ายปลาบึก ต่างกันตรงที่มีฟันเท่านั้น
ตัวแรกมีน้ำหนักกว่า 50 กิโลกรัม ส่วนตัวที่ 2 มีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ส่วนตัวที่ 3 ขณะนำออกจากอวนเล็ก ได้ดิ้นหลุด คืนสู่แม่น้ำโขงไปได้ จึงได้กั้นขังปลาที่จับได้ 2 ตัวไว้ที่ท่าน้ำด้านล่าง ร้านนางนวล ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูจำนวนมาก
นางปวันรัตน์ กล่าวว่า การล่าปลาบึกปีนี้ มีกติกาข้อตกลงระหว่างประเทศไทยและลาว ว่าให้จับได้ประเทศละ 2 ตัวเท่านั้น ก็จะยุติการล่าทันที ซึ่งก่อนการบรวงสรวงเมื่อวันที่ 18 เมษายน 51 พรานปลาบึกฝ่ายไทยก็จับปลาเทพา น้องปลาบึกได้แล้ว 1 ตัว มีการชำแหละเนื้อขายกิโลกรัมละ 500 บาท นับว่าสูงมาก แต่ก็ยังมีคนซื้อเนื้อไปบริโภคอยู่ เชื่อว่าหากมีการจับปลาบึกได้ ราคาซื้อขายจะมีราคาสูงกว่าเทพาแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การล่าปลาบึกครั้งนี้คึกคักตรงที่มีกติกาให้จับได้แค่ประเทศละ 2 ตัวเท่านั้น จึงทำให้กลุ่มพรานนักล่าปลาบึกแม่น้ำโขง ทั้งชาวไทย-ลาวต่างพยายามนำอวนเล็ก ลอยเรือลงโชว์ฝีมือการล่าจับปลาบึกในแม่น้ำโขงให้ได้ และการที่มีปลาเทพาลอยมาจนถูกจับ หลายฝ่ายเชื่อกันว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปลาบึกขนาดใหญ่กำลังเดินทางเข้าสู่แม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ ฝั่งตรงข้ามเมืองห้วยห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แล้ว
ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดเชียงราย ได้รับแจ้งจาก นางปวันรัตน์ วงศ์สิริวณิชย์ อดีตสมาชิกสภาเทศบาล ต.เวียงเชียงของ และเจ้าของร้านอาหารนางนวล ว่า เมื่อ 24 เม.ย.51 ที่ผ่านมา พรานปลาบึกเชียงของคือนายไชยา จินะราช ตระกูลพรานปลาบึกชื่อดัง ชายแดนไทย-ลาว ได้จับปลาลักษณะคล้ายปลาบึก ได้ทั้งหมด 3 ตัว ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปิดเทศกาลล่าปลาบึกไทย-ลาว กลางแม่น้ำโขง
ปลาที่จับได้ 3 ตัวนี้ เป็นปลาเทพา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าน้องปลาบึก เนื่องจากมีหน้าตาละหม้ายคล้ายปลาบึก ต่างกันตรงที่มีฟันเท่านั้น
ตัวแรกมีน้ำหนักกว่า 50 กิโลกรัม ส่วนตัวที่ 2 มีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ส่วนตัวที่ 3 ขณะนำออกจากอวนเล็ก ได้ดิ้นหลุด คืนสู่แม่น้ำโขงไปได้ จึงได้กั้นขังปลาที่จับได้ 2 ตัวไว้ที่ท่าน้ำด้านล่าง ร้านนางนวล ท่ามกลางชาวบ้านที่ทราบข่าวมามุงดูจำนวนมาก
นางปวันรัตน์ กล่าวว่า การล่าปลาบึกปีนี้ มีกติกาข้อตกลงระหว่างประเทศไทยและลาว ว่าให้จับได้ประเทศละ 2 ตัวเท่านั้น ก็จะยุติการล่าทันที ซึ่งก่อนการบรวงสรวงเมื่อวันที่ 18 เมษายน 51 พรานปลาบึกฝ่ายไทยก็จับปลาเทพา น้องปลาบึกได้แล้ว 1 ตัว มีการชำแหละเนื้อขายกิโลกรัมละ 500 บาท นับว่าสูงมาก แต่ก็ยังมีคนซื้อเนื้อไปบริโภคอยู่ เชื่อว่าหากมีการจับปลาบึกได้ ราคาซื้อขายจะมีราคาสูงกว่าเทพาแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การล่าปลาบึกครั้งนี้คึกคักตรงที่มีกติกาให้จับได้แค่ประเทศละ 2 ตัวเท่านั้น จึงทำให้กลุ่มพรานนักล่าปลาบึกแม่น้ำโขง ทั้งชาวไทย-ลาวต่างพยายามนำอวนเล็ก ลอยเรือลงโชว์ฝีมือการล่าจับปลาบึกในแม่น้ำโขงให้ได้ และการที่มีปลาเทพาลอยมาจนถูกจับ หลายฝ่ายเชื่อกันว่าเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปลาบึกขนาดใหญ่กำลังเดินทางเข้าสู่แม่น้ำโขงด้าน อ.เชียงของ ฝั่งตรงข้ามเมืองห้วยห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว แล้ว
