ผู้จัดการออนไลน์ - มูลนิธิสืบนาคะเสถียรร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อยกระดับการจัดการป่าอย่างยั่งยืน พร้อมขยายเวลาโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตก
นางรตยา จันทรเทียร ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวในงานสรุปผลการดำเนินงานโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตกว่า การที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ และสืบทอดเจตนารมย์ของ สืบ นาคะเสถียร ที่พยายามป้กป้อง รักษา จุดมุ่งหมายเพื่อให้มีผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นการรักษาบ้านของสัตว์ป่าเอาไว้อย่างมั่นคง การทำงานที่ผ่านมา ได้ทำร่วมกับหลายหน่วยงานทั้ง องค์กรพัฒนาเอกชน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำนักอุทยานแห่งชาติ สถานทูตเดนมาร์ก และตัวแทนชุมชนในเขตผืนป่าตะวันตก
ต่อมา รัฐบาลประเทศเดนมาร์ก ได้สนับสนุนงบประมาณ เพื่อจัดให้มีโครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงนิเวศระดับจังหวัดขึ้นทั้ง 6 จังหวัดในเขตผืนป่าตะวันตกและพัฒนาไปสู่ความร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามโครงการจอมป่า ที่มุ่งรักษาคุณค่าการจัดการระบบนิเวศ และการจัดการอย่างมีส่วนร่วม จนเกิดความก้าวหน้าในการอุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติได้ถึง 50 ชุมชน จากทั้งสิ้น 100 ชุมชน และจะขยายแนวทางการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมทั้ง 100 ชุมชนต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่จะรักษาป่าได้นั้นต้องมีส่วนประกอบคือ ต้องมีวิชาการที่ก้าวหน้า การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน และหลักธรรมมาภิบาล ในการที่จะยับยั้งจนสามารถรักษาผืนป่าได้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะชุมชน การที่มาสานความร่วมมือกันในวันนี้สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือการเอาใจใส่กันทุกภาคส่วนและให้ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะป่าเป็นสมบัติของคนทั้งชาติ และหวังว่าจะสามารถรักษาสมบัติไว้ให้ลูกหลานของเราให้เขามีที่อยู่ที่อาศัยและพึ่งพิงกันอย่างยั่งยืน
ดังนั้น ทางมูลนิธิสืบนาคะเสถียร จึงได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อความร่วมมือในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 2 อาคาร 1 การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นของชุมชนเพื่อการจัดการป่าอย่างยั่งยืน
ทางด้านนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า มูลนิธิสืบฯ เป็นองค์กรที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการที่จะรักษาและฟื้นฟูผืนป่า ซึ่งการทำงานได้เกิดการยอมรับเรื่อยมา จนสามารถขยายพื้นที่ป่าอย่างมีส่วนร่วม ถ้าจะมองกันแล้วป่าไม้มีความสำคัญสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของประเทศ ดังนั้นกระทรวงฯ มีนโยบายที่จะอนุรักษ์ผืนป่ามากเป็นอันดับต้นๆ โดยจะเน้นความสำคัญเป็นภาพรวมทั้งประเทศ ซึ่งไม่ได้มองเป็นย่อมๆ เท่านั้น นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับชุมชนที่อยู่กับป่า หากินกับป่าได้ช่วยรักษาผืนป่า ดั่งคำที่ว่า ป่าอยู่ได้ คนอยู่ได้ สัตว์ป่าอยู่ได้
รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวต่อว่า การให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ พัฒนา และการใช้ประโยชน์ เท่ากับช่วยอุดช่องว่าง เติมเต็ม การแก้ไขปัญหาและสามารถนำผลที่ได้ไปขยายผลทั่วประเทศได้ และเพื่อให้ความสำคัญกับชุมชนที่อยู่ป่าหรือตามแนวเขตป่าอย่างยั้งยืนต้องมีการกำหนดแนวเขตที่ชัดเจน มีคณะกรรมการในการดูแลรักษาป่าแบบมีส่วนร่วม มีการจัดการป่าอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รัฐบาลและประชาชนต้องประสานความร่วมมือ ไว้ใจกันและกัน
การบันทึกความร่วมมืออย่างมีส่วนร่วมจะช่วยให้เกิดความช่วยเหลือ เกื้อกูล แบบมีส่วนร่วม ทั้งในแง่ของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตปัญหาที่สะสมมานานจะได้รับการแก้ไขอย่างถาวร
นายภานุเดช เกิดมะลิ หัวหน้าภาคสนามโครงการร่วมรักษาผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิสืบฯ ยังได้ทำความร่วมมือกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ตามโครงการป่าชุมชน 30 ป่า รักษาทุกโรค เพื่อสร้างกิจกรรมหนุนเสริมชุมชนให้มีวิถีชีวิต เป็นมิตรกับผืนป่า มีการออกสำรวจแนวเขตชุมชนประชิดแนวเขตพืนที่คุ้มครองและการจัดตั้งป่าชุมชนเขตกันชนตลอดแนวเขตห้วยขาแข้งฯ และแม่วงก์ เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนกองทุนพริกแลกเกลือ กลุ่มออมทรัพย์ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ เพื่อสร้างความเข้มแข็ง เป็นระบบ และเกิดความยั่งยืนได้ด้วยชุมชนเอง