พะเยา – ชาวบ้านภูซางชายแดนไทย-ลาว เดินหน้าพิทักษ์ป่า รวมกลุ่มตั้ง “ชมรมพิทักษ์ สวล.เชียงแรง” จี้นายอำเภอฯสอบ ส.อบต.-ครูรุกป่า ปลูกยาง ด้าน นอภ.ภูซาง เครื่องร้อนสั่งตรวจสอบพื้นที่พร้อมให้ระงับการกระทำด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพะเยาว่า ในพื้นที่ ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ชายแดนไทย-ลาวได้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “ชมรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ต.เชียงแรง” โดยที่ผ่านมาได้นำส่งเอกสารพร้อมภาพถ่ายการตัดไม้ซึ่งทางชมรมฯ แจ้งว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาบ่อส้ม พร้อมระบุว่าหลังการล้มไม้ใหญ่ ได้มีการปลูกยางและที่อยู่อาศัยในเขตป่าด้วย
พร้อมกันนี้ชมรมฯ เปิดเผยว่าบุคคลที่ได้ทำการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาบ่อส้ม ปรากฏเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) เชียงแรง หมู่ 2 จำนวน1 ราย อดีต ส.อบต.เชียงแรง หมู่ 1 จำนวน 1 ราย ข้าราชการครูบำนาญ 1 ราย และข้าราชการครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ภูซาง จำนวน 1 ราย
โดยทางชมรมฯ แจ้งต่อว่าบุคคลทั้งสี่คนได้รุกเข้าไปครอบครองป่าปลูกยางพาราและสร้างบ้านพักถาวรในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จนทำให้พื้นที่ป่าที่เคยมีความสมบูรณ์เป็นที่หาของป่าของชาวบ้านถูกทำลายจนเตียนโล่ง เปลี่ยนสภาพเป็นป่ายางพาราในพริบตา ทางชมรมฯ จึงได้ทำหนังสือร้องไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนหลายแขนง
นายสุธี ภู่จินดา นายอำเภอภูซาง จ.พะเยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลังจากที่ตนได้รับหนังสือร้องเรียนจากชมรมฯ แล้ว ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงสำรวจตรวจสอบพื้นที่ทันที พร้อมทั้งได้เชิญตัวบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงในหนังสือร้องเรียนเข้ามาทำการสอบถามข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และบัดนี้ตนได้สั่งการให้บุคคลที่เข้าไปทำการปลูกยางพาราในพื้นที่ถูกร้องเรียนยุติการกระทำทันทีเพื่อตรวจสอบพื้นที่มีปัญหาต่อไปแล้ว
ด้านนายธนาธร อยู่ดี ข้าราชการครูรายหนึ่งซึ่งถูกชมรมฯ กล่าวอ้างว่าได้ทำการปลูกยางพาราในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ เผยว่า ตนได้เข้ามาให้ข้อมูลกับทางอำเภอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง เนื่องจากในการเลือกตั้งผู้บริหาร อบต.เชียงแรง ในสมัยต่อไปตนเปิดตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายก อบต.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมในส่วนของการรุกป่าชุมชนในพื้นที่ ต.สบบง ว่า กลุ่มแกนนำในการต่อต้านการตัดไม้ในบริเวณบวกเฒ่าเขียว ดำเนินการรวบรวมเอกสารในการพิสูจน์ว่าพื้นที่ที่ดินจำนวน 19 ไร่ ที่มีการออกเอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 ก.นั้นเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนปี 2521 เป็นต้นมา คือ แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศที่ยืนยันพื้นที่ป่าและพื้นที่ทำกิน
พร้อมกับแผนที่ระวางในการออกเอกสารสิทธิของที่ดิน เพื่อนำส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพะเยาว่า ในพื้นที่ ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ชายแดนไทย-ลาวได้มีการเคลื่อนไหวต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของกลุ่มประชาชนที่เรียกตัวเองว่า “ชมรมพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ต.เชียงแรง” โดยที่ผ่านมาได้นำส่งเอกสารพร้อมภาพถ่ายการตัดไม้ซึ่งทางชมรมฯ แจ้งว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาบ่อส้ม พร้อมระบุว่าหลังการล้มไม้ใหญ่ ได้มีการปลูกยางและที่อยู่อาศัยในเขตป่าด้วย
พร้อมกันนี้ชมรมฯ เปิดเผยว่าบุคคลที่ได้ทำการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาบ่อส้ม ปรากฏเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ส.อบต.) เชียงแรง หมู่ 2 จำนวน1 ราย อดีต ส.อบต.เชียงแรง หมู่ 1 จำนวน 1 ราย ข้าราชการครูบำนาญ 1 ราย และข้าราชการครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ภูซาง จำนวน 1 ราย
โดยทางชมรมฯ แจ้งต่อว่าบุคคลทั้งสี่คนได้รุกเข้าไปครอบครองป่าปลูกยางพาราและสร้างบ้านพักถาวรในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จนทำให้พื้นที่ป่าที่เคยมีความสมบูรณ์เป็นที่หาของป่าของชาวบ้านถูกทำลายจนเตียนโล่ง เปลี่ยนสภาพเป็นป่ายางพาราในพริบตา ทางชมรมฯ จึงได้ทำหนังสือร้องไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนหลายแขนง
นายสุธี ภู่จินดา นายอำเภอภูซาง จ.พะเยา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หลังจากที่ตนได้รับหนังสือร้องเรียนจากชมรมฯ แล้ว ได้มอบหมายเจ้าหน้าที่ลงสำรวจตรวจสอบพื้นที่ทันที พร้อมทั้งได้เชิญตัวบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างถึงในหนังสือร้องเรียนเข้ามาทำการสอบถามข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และบัดนี้ตนได้สั่งการให้บุคคลที่เข้าไปทำการปลูกยางพาราในพื้นที่ถูกร้องเรียนยุติการกระทำทันทีเพื่อตรวจสอบพื้นที่มีปัญหาต่อไปแล้ว
ด้านนายธนาธร อยู่ดี ข้าราชการครูรายหนึ่งซึ่งถูกชมรมฯ กล่าวอ้างว่าได้ทำการปลูกยางพาราในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ เผยว่า ตนได้เข้ามาให้ข้อมูลกับทางอำเภอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นเรื่องทางการเมือง เนื่องจากในการเลือกตั้งผู้บริหาร อบต.เชียงแรง ในสมัยต่อไปตนเปิดตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งนายก อบต.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมในส่วนของการรุกป่าชุมชนในพื้นที่ ต.สบบง ว่า กลุ่มแกนนำในการต่อต้านการตัดไม้ในบริเวณบวกเฒ่าเขียว ดำเนินการรวบรวมเอกสารในการพิสูจน์ว่าพื้นที่ที่ดินจำนวน 19 ไร่ ที่มีการออกเอกสารสิทธิประเภท น.ส.3 ก.นั้นเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนปี 2521 เป็นต้นมา คือ แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศที่ยืนยันพื้นที่ป่าและพื้นที่ทำกิน
พร้อมกับแผนที่ระวางในการออกเอกสารสิทธิของที่ดิน เพื่อนำส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย