เชียงราย – คศส.พร้อมตัวแทนหอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือเตรียมเดินทางเข้าเจรจา 7 เจ้าแขวงลาววันพุร่งนี้ (9 เม.ย.) หวังกรุยทางทุนไทยเข้าปักเสาเข็มตามแนว R3a พร้อมหารือแผนร่วมบุคลากรรองรับการค้า การลงทุน ก่อนตั้งโต๊ะเจรจากับตัวแทนรัฐ-เอกชนพม่า เพื่อเปิดแนวทางการลงทุนตามแนวเส้นทาง R3b ต่อในอีก 3 เดือนต่อจากนี้
วันนี้ (8 เม.ย.51) คณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้ร่วมประชุมหารือกันที่โรงแรมพิมานอินน์ อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อวางประเด็นที่จะนำไปเจรจากับ 7 เจ้าแขวงของ สปป.ลาว คือ แขวงบ่อแก้ว , หลวงน้ำทา , อุดมไซ , ไซยบุรี , หลวงพระบาง , เวียงจันทน์ และพงสาลี สปป.ลาว ที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) ที่ สปป.ลาว โดยมีนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าฯลำปาง , หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย ,ตัวแทนหอการค้า 10 จังหวัดเหนือ รวมถึงผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอฯเชียงราย/ประธาน คสศ.เข้าร่วม
นายพัฒนา กล่าวว่า ในการเดินทางไปเจรจากับ 7 เจ้าแขวงของ สปป.ลาว ระหว่าง 9-11 เม.ย.51 เป็นการนำคณะตัวแทนภาคเอกชนของไทย โดยเฉพาะกลุ่มหอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงตัวแทนภาครัฐบางหน่วยงาน ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุนตามแนวถนน R3a (ไทย-ลาว-จีน) ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะเห็นว่าเป็นเส้นทางการขนส่งที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ไปเจรจากับภาครัฐของ สปป.ลาว เพื่อนำไปสู่แนวทางการลงทุนของภาคเอกชนไทยตามแนวถนนสายนี้ต่อไปในอนาคต
ในพื้นที่ สปป.ลาว ตอนเหนือ ตามแนวถนน R3a ธุรกิจที่น่าลงทุน คือ ธุรกิจการเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร หรือธุรกิจบริการอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจะมีการหารือกัน ในประเด็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรร่วมกันระหว่างไทย-ลาว รองรับการลงทุนในอนาคตด้วย โดยจะขอความร่วมมือจากศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ให้เข้ามาช่วยดำเนินการในส่วนนี้ด้วย
ขณะที่นางสาวเกยูร คณารุ่งเรือง หัวหน้าศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า เคยเดินทางเข้าไปดูกิจการร้านอาหาร “เฮือนลาว” ของนักธุรกิจท้องถิ่นเชียงราย ที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว มาแล้ว ซึ่งแนวทางที่จะพัฒนาฝีมือบุคคลากรรองรับการลงทุนของภาคเอกชนไทยในลาวนั้น หากจะอบรมเฉพาะคนไทย สามารถดำเนินการได้โดยใช้งบประมาณจากรัฐได้ทันที แต่ถ้าหากจะจัดการอบรมแรงงานระหว่างไทย-ลาว จะต้องทำโครงการเสนอของบประมาณเป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งทางศูนย์ฯพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ด้านนางวิภาดา ตรีสัตย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เคยเดินทางเข้าไปดูพื้นที่ตามแนวถนน R3a หลายครั้ง และเท่าที่ทราบนักลงทุนท้องถิ่นของเชียงรายก็สนใจเข้าไปลงทุนกันมาก เนื่องจากเห็นว่า สปป.ลาว เปิดรับการลงทุนจากภายนอกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยถ้าหากมีวงเงินลงทุนระหว่าง 1 แสน – 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ก็สามารถขออนุมัติจากเจ้าแขวงนั้น ๆ ได้เลย แต่ถ้าวงเงินลงทุนเกินกว่า 3 ล้านดอลลาร์ จะต้องขออนุมัติจากส่วนกลาง แต่อยากแนะนำว่า ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นด้านแรงงาน พาณิชย์ การขนส่ง ฯลฯ ป้องกันปัญหาความล้มเหลวในการลงทุนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง
ทั้งนี้หลังจากคณะ คสศ.เดินทางไปเจรจาลู่ทางการค้ากับ 7 เจ้าแขวง สปป.ลาว แล้ว อีก 3 เดือนต่อจากนี้ คสศ.มีกำหนดที่จะประชุมหารือกับตัวแทนภาครัฐ-เอกชน ของพม่าด้วย โดยเบื้องต้นกำหนดกันว่า จะประชุมหารือกันที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อร่วมกันหาแนวทางส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวตามแนวถนน R3b (ไทย-พม่า-จีน) อีกเส้นทางหนึ่ง ที่แม้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์มาหลายปี แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้ได้อย่างเต็มที่
วันนี้ (8 เม.ย.51) คณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ (คสศ.) หอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้ร่วมประชุมหารือกันที่โรงแรมพิมานอินน์ อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อวางประเด็นที่จะนำไปเจรจากับ 7 เจ้าแขวงของ สปป.ลาว คือ แขวงบ่อแก้ว , หลวงน้ำทา , อุดมไซ , ไซยบุรี , หลวงพระบาง , เวียงจันทน์ และพงสาลี สปป.ลาว ที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) ที่ สปป.ลาว โดยมีนายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าฯลำปาง , หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงราย ,ตัวแทนหอการค้า 10 จังหวัดเหนือ รวมถึงผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ และนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอฯเชียงราย/ประธาน คสศ.เข้าร่วม
นายพัฒนา กล่าวว่า ในการเดินทางไปเจรจากับ 7 เจ้าแขวงของ สปป.ลาว ระหว่าง 9-11 เม.ย.51 เป็นการนำคณะตัวแทนภาคเอกชนของไทย โดยเฉพาะกลุ่มหอการค้า 10 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงตัวแทนภาครัฐบางหน่วยงาน ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุนตามแนวถนน R3a (ไทย-ลาว-จีน) ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพราะเห็นว่าเป็นเส้นทางการขนส่งที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย ไปเจรจากับภาครัฐของ สปป.ลาว เพื่อนำไปสู่แนวทางการลงทุนของภาคเอกชนไทยตามแนวถนนสายนี้ต่อไปในอนาคต
ในพื้นที่ สปป.ลาว ตอนเหนือ ตามแนวถนน R3a ธุรกิจที่น่าลงทุน คือ ธุรกิจการเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่องการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร หรือธุรกิจบริการอื่นๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังจะมีการหารือกัน ในประเด็นแนวทางการพัฒนาบุคลากรร่วมกันระหว่างไทย-ลาว รองรับการลงทุนในอนาคตด้วย โดยจะขอความร่วมมือจากศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ให้เข้ามาช่วยดำเนินการในส่วนนี้ด้วย
ขณะที่นางสาวเกยูร คณารุ่งเรือง หัวหน้าศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานนานาชาติ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า เคยเดินทางเข้าไปดูกิจการร้านอาหาร “เฮือนลาว” ของนักธุรกิจท้องถิ่นเชียงราย ที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว มาแล้ว ซึ่งแนวทางที่จะพัฒนาฝีมือบุคคลากรรองรับการลงทุนของภาคเอกชนไทยในลาวนั้น หากจะอบรมเฉพาะคนไทย สามารถดำเนินการได้โดยใช้งบประมาณจากรัฐได้ทันที แต่ถ้าหากจะจัดการอบรมแรงงานระหว่างไทย-ลาว จะต้องทำโครงการเสนอของบประมาณเป็นครั้ง ๆ ไป ซึ่งทางศูนย์ฯพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ด้านนางวิภาดา ตรีสัตย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เคยเดินทางเข้าไปดูพื้นที่ตามแนวถนน R3a หลายครั้ง และเท่าที่ทราบนักลงทุนท้องถิ่นของเชียงรายก็สนใจเข้าไปลงทุนกันมาก เนื่องจากเห็นว่า สปป.ลาว เปิดรับการลงทุนจากภายนอกมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยถ้าหากมีวงเงินลงทุนระหว่าง 1 แสน – 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ก็สามารถขออนุมัติจากเจ้าแขวงนั้น ๆ ได้เลย แต่ถ้าวงเงินลงทุนเกินกว่า 3 ล้านดอลลาร์ จะต้องขออนุมัติจากส่วนกลาง แต่อยากแนะนำว่า ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนควรศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นด้านแรงงาน พาณิชย์ การขนส่ง ฯลฯ ป้องกันปัญหาความล้มเหลวในการลงทุนที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้หลายครั้ง
ทั้งนี้หลังจากคณะ คสศ.เดินทางไปเจรจาลู่ทางการค้ากับ 7 เจ้าแขวง สปป.ลาว แล้ว อีก 3 เดือนต่อจากนี้ คสศ.มีกำหนดที่จะประชุมหารือกับตัวแทนภาครัฐ-เอกชน ของพม่าด้วย โดยเบื้องต้นกำหนดกันว่า จะประชุมหารือกันที่จังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อร่วมกันหาแนวทางส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวตามแนวถนน R3b (ไทย-พม่า-จีน) อีกเส้นทางหนึ่ง ที่แม้จะสร้างเสร็จสมบูรณ์มาหลายปี แต่ยังไม่สามารถเปิดใช้ได้อย่างเต็มที่
