ตาก – อดีตเทพีพันธมิตรฯ นำทีมเครือข่ายนำชมรมลุ่มน้ำเหลือล่างเมืองตากเข้าร่วมเวทีเสวนายามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษเย็นนี้ ประกาศพร้อมเข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านการคืนชีพของ “ระบอบทักษิณ” เตือน “หมัก” อย่าเหิมลุแก่อำนาจ
นางสาวนิตยา กุระคาน แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, ชมรมลุ่มน้ำน่าน จ.ตาก อดีตเทพีหญิงกู้ชาติ เมื่อครั้งนำกลุ่มพันธมิตรหญิง 10 คน ยืนต้านทักษิณ ขณะเดินทางมาตรวจราชการที่ จ.ตาก บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตาก จนถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ารุมทำร้าย เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2549 ที่ผ่านมา เปิดเผยภายหลังออกเดินทางเข้าร่วมเวทีเสวนายามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษวันนี้ว่า ตนพร้อมที่จะเข้าร่วมเคลื่อนไหวในการต่อต้านระบอบทักษิณ ซึ่งตลอดเวลาหลัง 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา มีหลายเหตุการณ์เชื่อได้ว่าเขาไม่ได้หยุดความเคลื่อนไหวในการเมืองแม้จะมีคำสั่งศาลก็ตาม
วันนี้ แม้จะผ่านการเลือกตั้งมาไม่นาน รัฐบาลสมัคร 1 ก็ได้ฉายแววเดินตามเจ้านายเพื่อกรุยทางสำหรับการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ สู่การเมืองไทย ตอนนี้ส่วนของภูมิภาคได้ปรากฏภาพของข้าราชการที่ต้องวิ่งเข้าหาการเมือง เพราะนักการเมืองที่ครองอำนาจอยู่นั้นได้เชือดไก่ให้ดูแล้วเมื่อช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ อีกไม่นานระบอบอัปยศจะกลับมาครองสังคมไทย ให้จมอยู่ใน “ระบอบทักษิณ” ที่นักการเมืองขี่คอข้าราชการ
นางสาวนิตยา บอกอีกว่า การรวมตัวเสวนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันนี้ เป็นการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มชนกลุ่มหนึ่ง ตามระบอบประชาธิปไตย เพราะคำว่าประชาธิปไตยนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเข้าคูหาเลือกตั้ง เมื่อใครครองเสียงข้างมากจะเป็นเจ้าของประเทศกำหนดเป็น กำหนดตาย ผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
พวกเรากลุ่มพันธมิตรภาคเหนือตอนล่างจำนวนมาก ที่เดินทางมาถึงแล้วและที่กำลังเดินทางมา ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้ามา เพื่อป้องกันการสกัดกั้น เพราะมีการใช้ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเครื่องมือ ยิ่งทำให้คิดย้อนไปถึงวันเวลาก่อน 19 กันยายน 2549 ก่อนที่คณะรัฐประหารจะมาปลดแอกความแตกแยกของสังคมไทย โดยหลังจากนั้นรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาบริหารประเทศ จนประเทศย่ำอยู่กับที่ ก็เพราะบรรดาข้าราชการทุกระดับทั้งส่วนกลางและภูมิภาคใส่เกียร์ว่าง เพราะรู้ว่าเป็นเพียงรัฐบาลขัดตาทัพ เพราะพวกเขาเชื่อว่าวันหนึ่งอำนาจเดิมจะกลับหวนคืนมา
ซึ่งตอนนี้อำนาจแห่งการปิดปาก ปิดหู ปิดตาประชาชน ได้แสดงบริบทของ “ระบอบทักษิณ” อย่างชัดเจน โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของพวกตน โดยอ้างประโยชน์ของประเทศชาติประชาชน
ถามว่า ประเทศเราประชากร 60 กว่าล้านคน มีคนดีที่มีความสามารถเพียงกลุ่มคนเหล่านี้หรือ ทั้งนี้หากจะบอกว่า ประชาธิปไตยคือพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเพราะประชาชนส่วนมากเลือกเข้ามา แต่กติกาการเมืองในรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนลงประชามติ ก็คือ เสียงข้างมาก และเป็นเสียงของประชาชนคนไทยเหมือนกัน
“ดังนั้น ขอให้คุณสมัครและพวกพ้องจงอย่าเพิ่งเหิมแก่อำนาจ เร็วกว่าเวลาอันควร เพราะมีประชาชนรวมทั้งพลังเงียบอีกจำนวนมาก ที่พร้อมจะต่อต้านอำนาจที่ไม่เคยฟังเสียงประชาชน”
