แพร่ - จังหวัดแพร่ระดมกำลังเข้าให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในอำเภอร้องกวางหลังประสบกับพายุฤดูร้อนที่สร้างความเสียหายกับบ้านเรือนกว่า 300 หลัง รองผู้ว่าฯ วอนประชาชนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่ส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์แต่กับถูกละเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ว่า หลังจากที่ชาวอำเภอร้องกวางต้องประสบกับพายุฤดูร้อนและได้สร้างความเสียหายกับบ้านเรือน ทำให้เจ้าหน้าที่และองค์กรภาคเอกชนได้ระดมเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดย นายสมชัย หทยตันติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภ.จว.แพร่ นายสัมฤทธิ์ วิชัยทา บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจำนวนมาก นำกำลังในสังกัดเข้าร่วมกับกำลังทหารจากค่าย ม.พัน 12 อ.เด่นชัย จ.แพร่ และอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ร่วมกันเก็บซากชิ้นส่วนของต้นไม้และบ้านเรือนที่พัดปลิวมากับพายุที่พัดอย่างรุนแรงเมื่อใกล้ค่ำวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา
พร้อมทั้งนำวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาทิ สังกะสี และไม้แปรรูป พร้อมทั้งปูนซิเมนต์ ไปร่วมบริจาคให้กับราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งจากการสำรวจพบว่า ที่ต.แม่ยางเปรี้ยว อ.ร้องกวางได้รับความเสียหายมากที่สุดคือมีถึง 300 หลังคาเรือน และอาคารสาธารณะประโยชน์ได้แก่ วัด โรงเรียน สถานีอนามัยได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
นายสุวิทย์ วงศ์วรกุล กรรมการหอการค้าไทย ในนามตัวแทนหอการค้าจังหวัดแพร่ นำสิ่งขอมาร่วมบริจาคให้กับผู้ประสบภัยด้วย โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจในเมืองแพร่ยินดีที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และช่วยทางจังหวัดในการระดมการช่วยเหลือให้พื้นที่ประสบภัยมีการพัฒนาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งยังคงน่าเป็นห่วงว่าสภาพอากาศร้อนจัดในขณะนี้
โดยจะมีระยะเวลาที่ยาวนานไปอีกจนถึงเดือนพฤษภาคม ปัญหาการเกิดพายุฤดูร้อนจะประมาทไม่ได้เลย ซี่งจังหวัดจะต้องเตรียมความพร้อมทั้ง กำลังคน วัสดุอุปกรณ์กู้ภัย และงบประมาณ ซึ่งหอการค้าแพร่และหอการค้าไทยยินดีให้การช่วยเหลือถ้าจะเกิดปัญหาพายุฤดูร้อนขึ้นอีก เป็นการช่วยเหลือกันในยามยาก
นายสมชัย หทยตันติ รองผุ้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า การช่วยเหลือในเบื้องต้นราษฎรผู้ประสบภัยไม่จำเป็นต้องนำข้าวสารอาหารแห้งไปแจกให้ แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการซ่อมแซมบ้านเรือน และต้นไม้พื้นเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายซึ่งทางกระทรวงเกษตรจะเข้ามาให้การช่วยเหลือต่อไป ไม่เกิน 1 สัปดาห์ปัญหาก็คงจะคลี่คลายไปได้ และต้องเฝ้าระวังพร้อมทั้งรอว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ซึ่งจะประมาทไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าใน จ.แพร่ เป็นพื้นที่ล่อแหลมในการเกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากเป็นเขตภูเขา ที่มีการเผาป่าและตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการถ่ายเทของอากาศอย่างรวดเร็วถ้าเกิดสภาพอากาศที่ร้อนจัด จากสถิติในทุกๆ ปีที่ผ่านมาใน จ.แพร่จะมีปรากฏการณ์การเกิดพายุฤดูร้อนอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดพายุฤดูร้อน ได้แก่ ต.ดอนมูล ต.พระหลวง ต.น้ำชำ อ.สูงเม่น ต.เวียงต้า ต.ต้าผาม็อก อ.ลอง ต.สะเอียบ ต.บ้านหนุน อ.สอง ต.สร้อย ต.วังชิ้น ต.แม่พุง อ.วังชิ้น
แม้กระทั้งใน อ.เมืองหลายหมู่บ้านมีสถิติการเกิดพายุมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลยนอกจากการช่วยเหลือหลังเกิดพายุไปแล้ว ถึงแม้มีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลว่าการตัดไม้ทำลายป่าเป็นสาเหตุสำคัญและเป็นปรากฏการณ์ของสภาวะโลกร้อน แต่ชาวจังหวัดแพร่ก็ยังไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูธรรมชาติเพื่อลดปัญหาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ว่า หลังจากที่ชาวอำเภอร้องกวางต้องประสบกับพายุฤดูร้อนและได้สร้างความเสียหายกับบ้านเรือน ทำให้เจ้าหน้าที่และองค์กรภาคเอกชนได้ระดมเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดย นายสมชัย หทยตันติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว ผบก.ภ.จว.แพร่ นายสัมฤทธิ์ วิชัยทา บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการจำนวนมาก นำกำลังในสังกัดเข้าร่วมกับกำลังทหารจากค่าย ม.พัน 12 อ.เด่นชัย จ.แพร่ และอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ร่วมกันเก็บซากชิ้นส่วนของต้นไม้และบ้านเรือนที่พัดปลิวมากับพายุที่พัดอย่างรุนแรงเมื่อใกล้ค่ำวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา
พร้อมทั้งนำวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาทิ สังกะสี และไม้แปรรูป พร้อมทั้งปูนซิเมนต์ ไปร่วมบริจาคให้กับราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าวซึ่งจากการสำรวจพบว่า ที่ต.แม่ยางเปรี้ยว อ.ร้องกวางได้รับความเสียหายมากที่สุดคือมีถึง 300 หลังคาเรือน และอาคารสาธารณะประโยชน์ได้แก่ วัด โรงเรียน สถานีอนามัยได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
นายสุวิทย์ วงศ์วรกุล กรรมการหอการค้าไทย ในนามตัวแทนหอการค้าจังหวัดแพร่ นำสิ่งขอมาร่วมบริจาคให้กับผู้ประสบภัยด้วย โดยนายสุวิทย์ กล่าวว่า กลุ่มนักธุรกิจในเมืองแพร่ยินดีที่จะให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และช่วยทางจังหวัดในการระดมการช่วยเหลือให้พื้นที่ประสบภัยมีการพัฒนาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งยังคงน่าเป็นห่วงว่าสภาพอากาศร้อนจัดในขณะนี้
โดยจะมีระยะเวลาที่ยาวนานไปอีกจนถึงเดือนพฤษภาคม ปัญหาการเกิดพายุฤดูร้อนจะประมาทไม่ได้เลย ซี่งจังหวัดจะต้องเตรียมความพร้อมทั้ง กำลังคน วัสดุอุปกรณ์กู้ภัย และงบประมาณ ซึ่งหอการค้าแพร่และหอการค้าไทยยินดีให้การช่วยเหลือถ้าจะเกิดปัญหาพายุฤดูร้อนขึ้นอีก เป็นการช่วยเหลือกันในยามยาก
นายสมชัย หทยตันติ รองผุ้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า การช่วยเหลือในเบื้องต้นราษฎรผู้ประสบภัยไม่จำเป็นต้องนำข้าวสารอาหารแห้งไปแจกให้ แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือการซ่อมแซมบ้านเรือน และต้นไม้พื้นเศรษฐกิจที่ได้รับความเสียหายซึ่งทางกระทรวงเกษตรจะเข้ามาให้การช่วยเหลือต่อไป ไม่เกิน 1 สัปดาห์ปัญหาก็คงจะคลี่คลายไปได้ และต้องเฝ้าระวังพร้อมทั้งรอว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ซึ่งจะประมาทไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าใน จ.แพร่ เป็นพื้นที่ล่อแหลมในการเกิดพายุฤดูร้อน เนื่องจากเป็นเขตภูเขา ที่มีการเผาป่าและตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการถ่ายเทของอากาศอย่างรวดเร็วถ้าเกิดสภาพอากาศที่ร้อนจัด จากสถิติในทุกๆ ปีที่ผ่านมาใน จ.แพร่จะมีปรากฏการณ์การเกิดพายุฤดูร้อนอย่างต่อเนื่อง
พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดพายุฤดูร้อน ได้แก่ ต.ดอนมูล ต.พระหลวง ต.น้ำชำ อ.สูงเม่น ต.เวียงต้า ต.ต้าผาม็อก อ.ลอง ต.สะเอียบ ต.บ้านหนุน อ.สอง ต.สร้อย ต.วังชิ้น ต.แม่พุง อ.วังชิ้น
แม้กระทั้งใน อ.เมืองหลายหมู่บ้านมีสถิติการเกิดพายุมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลยนอกจากการช่วยเหลือหลังเกิดพายุไปแล้ว ถึงแม้มีนักวิชาการออกมาให้ข้อมูลว่าการตัดไม้ทำลายป่าเป็นสาเหตุสำคัญและเป็นปรากฏการณ์ของสภาวะโลกร้อน แต่ชาวจังหวัดแพร่ก็ยังไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูธรรมชาติเพื่อลดปัญหาแต่อย่างใด
