บุรีรัมย์จัดระเบียบร้านรับซื้อของเก่า หลังปล่อยให้เป็นแหล่งรับซื้อของโจร

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เรียกประชุมผู้ประกอบการรับซื้อของเก่ากว่า 50 ร้าน คุมเข้มจัดระเบียบให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การขายทอดตลาดและค้าของเก่า หลังมีคนร้ายขโมยทรัพย์สินตามบ้านเรือนประชาชนและส่วนราชการ มาขายตามร้านรับซื้อของเก่าถูกจับกุมได้จำนวนมาก ชี้โทษหนักซื้อทรัพย์สินได้มาโดยไม่สุจริต ติดคุกถึง 10 ปี

วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดบุรีรัมย์ว่า นายสุทธินันท์ บุญมี นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์ เรียกประชุมผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่าทั้ง 54 รายในเขตอำเภอเมือง เพื่อคุมเข้มจัดระเบียบการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ.2474

โดยได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการเรียกเก็บสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือจดบันทึกชื่อที่อยู่ของประชาชนที่นำของเก่ามาขายทุกครั้ง พร้อมเขียนระบุให้ชัดเจนว่ารับซื้อของชนิดใด เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานหากสงสัยว่า เป็นสิ่งของที่ถูกขโมยมาให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ หากมีการแจ้งความจะได้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ทางร้านรับซื้อของเก่า ได้ปล่อยปะละเลยไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร อีกทั้งยังแอบรับซื้อของเก่าแบบผิดๆ สร้างความหึกเหิมให้กับแก๊งคนร้ายลักลอบขโมยทรัพย์สินตามบ้านเรือน และหน่วยงานราชการ นำมาขายร้านรับซื้อของเก่าถูกจับกุมได้อยู่บ่อยครั้ง

“จึงจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบเพื่อให้ร้านรับซื้อของเก่าให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อย่าเห็นแก่รายได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งมั่นใจว่าหากทุกร้านให้ความร่วมมือปัญหาดังกล่าวก็จะลดลงหรือหมดไปอย่างแน่นอน” นายสุทธินันท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบว่าผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่ารายใด มีพฤติการณ์กระทำผิด ไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือนายตรวจทันที เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์สินที่มีผู้มาเสนอหรือขายให้ เป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยทุจริต จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท แต่หากเป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-10 ปี หรือปรับ 150,000 บาท