ศูนย์ข่าวศรีราชา –ผู้ประกอบการเตรียมเปิดเจรจาอีสท์วอเตอร์ หลังพบมีแนวโน้มปรับราคาน้ำประปาขึ้นทั่วพื้นที่ โดยในนิคมฯจะปรับขึ้นอีกกว่า 1 บาท/ลูกบาศก์เมตร เพราะหวั่นกระทบต้นทุนการผลิต และมองว่าการปรับขึ้นไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ
นายชูชีพ วรกัณฑ์ ประธานชมรมเขตประกอบการเสรี การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี กล่าวถึง กระแสข่าวว่า บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด(มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เตรียมเจรจาขอปรับราคาค่าน้ำดิบ เนื่องจากค่าพลังงานที่สูงขึ้นและมีค่าเสื่อมที่ต้องตัดค่าใช้จ่ายสูง ทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุน โดยบริษัทจะขอปรับราคาเฉลี่ยขึ้นอีก 12 % ต่อลูกบาศก์เมตร จากราคาเดิมที่ 7.59 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร
สำหรับพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จะขอปรับราคาขึ้นประมาณ 1.3-1.4 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนพื้นที่อื่นๆ จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.90 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร โดยอีสท์วอเตอร์อ้างว่า ที่ผ่านมามีการขายน้ำต่ำกว่าทุน ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นจริง ผู้ประกอบการจะต้องเจรจาพูดคุยกันก่อน เนื่องจากการปรับราคาครั้งนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก แล้วผู้ประกอบการจะอยู่กันได้อย่างไร
นายชูชีพ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อมูลการปรับราคา ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานหรือบริษัทที่รับผิดชอบ ซึ่งหากเป็นจริงก็ต้องทำหนังสือร้องเรียนอย่างแน่นอน เพราะการปรับราคาอย่างกะทันหันและสูงมาก ควรต้องแจ้งหรือชี้แจงให้มากกว่านี้ เพียงข้ออ้างว่าอีสท์วอเตอร์ ต้องแบกรับภาระ แล้วในส่วนของผู้ประกอบการเองไม่ต้องแบกรับภาระเช่นกันหรืออย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ควรจะเห็นใจผู้ประกอบการด้วย ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการอาจจะอยู่ไม่ได้
ด้านนายวันชัย มาลากรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวถึงกรณีที่อีสท์วอเตอร์ จะปรับราคาค่าน้ำดิบสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้หากบริษัทปรับราคาขึ้นการนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังก็ต้องปรับราคาขึ้นตามอย่างแน่นอน เนื่องจากการนิคมฯต้องซื้อจากอีสต์วอเตอร์ แต่เรื่องราคานั้นการนิคมฯยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการในขณะนี้
สำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม จะออกมาโวยวายหรือคัดค้านนั้น ก็ต้องมาเจรจาและพูดคุยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งการนิคมฯ ผู้ประกอบการและอีสท์วอเตอร์ เพื่อให้ปัญหาหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งขณะนี้จะต้องรอข้อมูลอย่างเป็นทางการของบริษัทก่อน ถึงจะดำเนินการอะไรได้ต่อไป
แหล่งข่าวจากบริษัท ฟุตจอย (ประเทศไทย(จำกัด) กล่าวถึงการปรับราคาค่าน้ำดิบในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ขณะนี้ทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับราคาขึ้น ซึ่งจะต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากการนิคมฯหรือบริษัทอีสท์วอเตอร์ก่อน โดยขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถชี้แจงหรือตอบคำถามอะไรได้
ทั้งนี้ หากมีการปรับราคาขึ้น ตามที่เป็นข่าวนั้น ถือว่าเป็นการปรับราคาที่สูงและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในนิคมฯอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการก็ซื้อน้ำจากการนิคมฯในราคาที่สูงอยู่แล้ว และหากมีการปรับราคาสูงขึ้นอีกกว่า 1.30-1.40 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ผู้ประกอบการคงได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน โดยควรลดราคาหรือทยอยปรับราคาในแต่ละไตรมาส ถือว่าจะมีกว่า อย่างไรก็ตามหากปรับจริงก็ต้องมีการคุยคุยกันก่อน เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ด้วยกันได้
นายชูชีพ วรกัณฑ์ ประธานชมรมเขตประกอบการเสรี การนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี กล่าวถึง กระแสข่าวว่า บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด(มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เตรียมเจรจาขอปรับราคาค่าน้ำดิบ เนื่องจากค่าพลังงานที่สูงขึ้นและมีค่าเสื่อมที่ต้องตัดค่าใช้จ่ายสูง ทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุน โดยบริษัทจะขอปรับราคาเฉลี่ยขึ้นอีก 12 % ต่อลูกบาศก์เมตร จากราคาเดิมที่ 7.59 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร
สำหรับพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จะขอปรับราคาขึ้นประมาณ 1.3-1.4 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนพื้นที่อื่นๆ จะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.90 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร โดยอีสท์วอเตอร์อ้างว่า ที่ผ่านมามีการขายน้ำต่ำกว่าทุน ซึ่งเรื่องนี้หากเป็นจริง ผู้ประกอบการจะต้องเจรจาพูดคุยกันก่อน เนื่องจากการปรับราคาครั้งนี้เพิ่มสูงขึ้นมาก แล้วผู้ประกอบการจะอยู่กันได้อย่างไร
นายชูชีพ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อมูลการปรับราคา ขณะนี้ยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานหรือบริษัทที่รับผิดชอบ ซึ่งหากเป็นจริงก็ต้องทำหนังสือร้องเรียนอย่างแน่นอน เพราะการปรับราคาอย่างกะทันหันและสูงมาก ควรต้องแจ้งหรือชี้แจงให้มากกว่านี้ เพียงข้ออ้างว่าอีสท์วอเตอร์ ต้องแบกรับภาระ แล้วในส่วนของผู้ประกอบการเองไม่ต้องแบกรับภาระเช่นกันหรืออย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ ควรจะเห็นใจผู้ประกอบการด้วย ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการอาจจะอยู่ไม่ได้
ด้านนายวันชัย มาลากรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง กล่าวถึงกรณีที่อีสท์วอเตอร์ จะปรับราคาค่าน้ำดิบสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้หากบริษัทปรับราคาขึ้นการนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังก็ต้องปรับราคาขึ้นตามอย่างแน่นอน เนื่องจากการนิคมฯต้องซื้อจากอีสต์วอเตอร์ แต่เรื่องราคานั้นการนิคมฯยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการในขณะนี้
สำหรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม จะออกมาโวยวายหรือคัดค้านนั้น ก็ต้องมาเจรจาและพูดคุยกันทั้ง 3 ฝ่าย ทั้งการนิคมฯ ผู้ประกอบการและอีสท์วอเตอร์ เพื่อให้ปัญหาหรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งขณะนี้จะต้องรอข้อมูลอย่างเป็นทางการของบริษัทก่อน ถึงจะดำเนินการอะไรได้ต่อไป
แหล่งข่าวจากบริษัท ฟุตจอย (ประเทศไทย(จำกัด) กล่าวถึงการปรับราคาค่าน้ำดิบในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ขณะนี้ทางผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับราคาขึ้น ซึ่งจะต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากการนิคมฯหรือบริษัทอีสท์วอเตอร์ก่อน โดยขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถชี้แจงหรือตอบคำถามอะไรได้
ทั้งนี้ หากมีการปรับราคาขึ้น ตามที่เป็นข่าวนั้น ถือว่าเป็นการปรับราคาที่สูงและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในนิคมฯอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันนี้ผู้ประกอบการก็ซื้อน้ำจากการนิคมฯในราคาที่สูงอยู่แล้ว และหากมีการปรับราคาสูงขึ้นอีกกว่า 1.30-1.40 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร ผู้ประกอบการคงได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน โดยควรลดราคาหรือทยอยปรับราคาในแต่ละไตรมาส ถือว่าจะมีกว่า อย่างไรก็ตามหากปรับจริงก็ต้องมีการคุยคุยกันก่อน เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ด้วยกันได้