ASTVผู้จัดการรายวัน - อีสท์วอเตอร์ยันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่ภาคตะวันออกเพียงพอป้อนลูกค้าในช่วงหน้าแล้งนี้ ไม่มีปัญหาน้ำขาดแน่ ส่วนการชะลอการขึ้นค่าน้ำดิบได้ชี้แจงส.อ.ท.แล้ว โบ้ยให้ไปหารือกับกนอ.แทน ด้านส.อ.ท.นัดหารือใหม่ 17 ก.พ.นี้ ยืนกรานให้คงราคาน้ำเท่าเดิมเพื่อช่วยเหลือให้โรงงานอยู่รอดในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจโลก
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เปิดเผยว่าปริมาณน้ำกักเก็บทั้งในอ่างเก็บน้ำดอกกราย หนองปลาไหลและประแสร์มีเพียงพอที่จะป้อนให้ลูกค้าในภาคตะวันออก จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาน้ำขาดแคลนเหมือนปี 2548 แม้ว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ด้วย
ส่วนกรณีที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เรียกร้องให้อีสท์วอเตอร์ชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำดิบออกไปก่อนว่า บริษัทฯได้มีการชี้แจงส.อ.ท.เข้าใจแล้ว ซึ่งลูกค้าของอีสท์วอเตอร์คือการนิคมแห่งประเทศไทย หากส.อ.ท.ต้องการให้ชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำดิบก็คงต้องร้องขอให้กนอ.ช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมฯโดยยอมลดมาร์จินบางส่วนลง เพราะหากบริษัทฯเลื่อนการปรับค่าน้ำดิบไปก่อนจะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและแผนการลงทุนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการทบทวนโครงสร้างการปรับราคาค่าน้ำดิบในปี 2553-2555 ใหม่ว่าจะมีการทยอยปรับเพิ่มทุกปี หรือจัดเก็บเพิ่มปีเว้นปี ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯพิจารณาต่อไปในช่วงเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งตามแผนเดิมการปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบในปีนี้จากเดิม 8.50 บาท/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)เป็น 9.25 บาท/ลบ.ม. และปี 2553 ก็จะเก็บเพิ่มขึ้นอีกในอัตรา 75 สตางค์/ลบ.ม. ส่วนปี 2554-2555 จะคิดค่าน้ำดิบเพิ่มขึ้นลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์
ส.อ.ท.นัดถก"น้ำตะวันออก"17ก.พ.
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมฯเหมราชตะวันออกได้ทำหนังสือเรียกร้องให้มีการชลอปรับขึ้นค่าน้ำออกไป 2-3 ปีจนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นนั้น โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการน้ำ เพื่อพิจารณาสถานการณ์น้ำและราคาน้ำดิบในภาคตะวันออกวันที่ 17 ก.พ.นี้ ส.อ.ท.อยากให้มีการชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำออกไปก่อนไม่ว่าจะเป็นการอีสท์วอเตอร์หรือกนอ.ก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ส่งออกลดลงจนต้องมีการลดกำลังการผลิต การปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบในช่วงนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้ภาคธุรกิจมากขึ้น
"ในการประชุมคณะกรรมการน้ำก็คงต้องมีการหารือเพื่อหาแนวทางออกที่ดีต่อทุกฝ่าย เนื่องจากโรงงานก็ต้องพึ่งพาทั้งกนอ.และอีสท์วอเตอร์ เราเองก็ไม่ต้องการเห็นอีสท์วอเตอร์มีปัญหาเช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลานี้อยากให้ทุกฝ่ายหารือกันอย่างมีเหตุมีผลและช่วยเหลือกัน ไม่ใช่จะมุ่งรักษาอัตรากำไรไว้เท่าเดิม "นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ เปิดเผยว่าปริมาณน้ำกักเก็บทั้งในอ่างเก็บน้ำดอกกราย หนองปลาไหลและประแสร์มีเพียงพอที่จะป้อนให้ลูกค้าในภาคตะวันออก จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาน้ำขาดแคลนเหมือนปี 2548 แม้ว่าสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงก็ตาม แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ด้วย
ส่วนกรณีที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เรียกร้องให้อีสท์วอเตอร์ชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำดิบออกไปก่อนว่า บริษัทฯได้มีการชี้แจงส.อ.ท.เข้าใจแล้ว ซึ่งลูกค้าของอีสท์วอเตอร์คือการนิคมแห่งประเทศไทย หากส.อ.ท.ต้องการให้ชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำดิบก็คงต้องร้องขอให้กนอ.ช่วยเหลือผู้ประกอบการในนิคมฯโดยยอมลดมาร์จินบางส่วนลง เพราะหากบริษัทฯเลื่อนการปรับค่าน้ำดิบไปก่อนจะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและแผนการลงทุนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการทบทวนโครงสร้างการปรับราคาค่าน้ำดิบในปี 2553-2555 ใหม่ว่าจะมีการทยอยปรับเพิ่มทุกปี หรือจัดเก็บเพิ่มปีเว้นปี ก่อนเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯพิจารณาต่อไปในช่วงเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งตามแผนเดิมการปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบในปีนี้จากเดิม 8.50 บาท/ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)เป็น 9.25 บาท/ลบ.ม. และปี 2553 ก็จะเก็บเพิ่มขึ้นอีกในอัตรา 75 สตางค์/ลบ.ม. ส่วนปี 2554-2555 จะคิดค่าน้ำดิบเพิ่มขึ้นลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์
ส.อ.ท.นัดถก"น้ำตะวันออก"17ก.พ.
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ตามที่โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและนิคมฯเหมราชตะวันออกได้ทำหนังสือเรียกร้องให้มีการชลอปรับขึ้นค่าน้ำออกไป 2-3 ปีจนกว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้นนั้น โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการน้ำ เพื่อพิจารณาสถานการณ์น้ำและราคาน้ำดิบในภาคตะวันออกวันที่ 17 ก.พ.นี้ ส.อ.ท.อยากให้มีการชะลอการปรับขึ้นค่าน้ำออกไปก่อนไม่ว่าจะเป็นการอีสท์วอเตอร์หรือกนอ.ก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกทำให้ส่งออกลดลงจนต้องมีการลดกำลังการผลิต การปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบในช่วงนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้ภาคธุรกิจมากขึ้น
"ในการประชุมคณะกรรมการน้ำก็คงต้องมีการหารือเพื่อหาแนวทางออกที่ดีต่อทุกฝ่าย เนื่องจากโรงงานก็ต้องพึ่งพาทั้งกนอ.และอีสท์วอเตอร์ เราเองก็ไม่ต้องการเห็นอีสท์วอเตอร์มีปัญหาเช่นกัน เพียงแต่ช่วงเวลานี้อยากให้ทุกฝ่ายหารือกันอย่างมีเหตุมีผลและช่วยเหลือกัน ไม่ใช่จะมุ่งรักษาอัตรากำไรไว้เท่าเดิม "นายพยุงศักดิ์กล่าว
