ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - การเมืองท้องถิ่นสุรินทร์เปลี่ยนขั้ว “กลุ่มกิจประชา” พรรคมัชฌิมาฯ ได้รับการเลือกตั้งเป็นคณะผู้บริหารชุดใหม่เทศบาลเมืองสุรินทร์ โค่นแชมป์เก่า “กลุ่มรักษ์สุรินทร์” ที่ “พลังแม้ว” หนุนหลังพ่ายยับ
วานนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดสุรินทร์ ประกาศผลคะแนนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) เมืองสุรินทร์ อย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจัดให้มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ปรากฎว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองสุรินทร์ ที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 คือ หมายเลข 1 นายสมบูรณ์ เรืองกาญจนเศรษฐ หัวหน้า “กลุ่มกิจประชา” ซึ่งกลุ่มนักการเมือง ส.ส. พรรคมัชฌิมาธิปไตย (มฌ.) ให้การสนับสนุนได้จำนวน 7,047 คะแนน
อันดับ 2 ผู้สมัครหมายเลข 2 นายวรรธนินทร์ ตั้งทวีสิทธิ์ หัวหน้า “กลุ่มรักษ์สุรินทร์” อดีตนายกเทศมนตรีชุดล่าสุด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักการเมือง ส.ส. พรรคพลังประชาชน (พปช.) ได้จำนวน 6,441 คะแนน และ อันดับ 3 ผู้สมัครหมายเลข 4 นายคราศี ลอยทอง สังกัดกลุ่ม พรรคประชาธิปัตย์ ได้จำนวน 1,288 คะแนน
สำหรับสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุรินทร์(สท.)แบ่งการเลือกตั้งออกเป็น 3 เขต มีสมาชิกได้ทั้งหมด 18 คน เขตละ 6 คน ปรากฎว่า “กลุ่มกิจประชา” สามารถกวาดที่นั่ง สท.ได้ถึง 12 ที่นั่ง ,กลุ่มรักษ์สุรินทร์ ได้ 6 ที่นั่ง
นายวิชัย ทัศนเศรษฐ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุรินทร์ ในครั้งนี้ กกต.สุรินทร์ได้ให้ความสำคัญในการป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเต็มที่ โดยได้เฝ้าระวังและติดตามพฤติการณ์ของบุคคลและผู้สมัครอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการแจ้งเบาะแสจากประชาชนว่ามีการแจกจ่ายเงิน เพื่อซื้อสิทธิ ขายเสียงในหลายแห่งภายในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง กลับไม่พบเหตุการณ์หรือมีหลักฐานจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ เนื่องจากมีการสลายตัวไปก่อนแล้ว ประกอบกับประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวไม่ยอมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลหรือเป็นพยานในการแจ้งความกับตำรวจจึงทำให้ กกต. ดำเนินการกับผู้กระทำผิดได้ยาก
“การเลือกตั้งท้องถิ่นซึ่งมักจะมีข่าวการแจกจ่ายเงินซื้อสิทธิ ขายเสียงเป็นจำนวนมาก แต่หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือในการแจ้งข้อมูลข่าวสารการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือได้รับเงินซื้อเสียงจากหัวคะแนนแต่ไม่กล้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากห่วงจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงทำให้ปัญหาการซื้อสิทธิ ขายเสียงการเลือกตั้งแก้ไขได้ยากและจะส่งผลเสียหายต่อบ้านเมืองต่อไป” นายวิชัย กล่าว