กาญจนบุรี – ตำรวจนำกำลังบุกค้นบ้าน “นายกเทศมนตรีตำบลบ่อพลอย” หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันใช้จ้างวานฆ่าผู้อื่น ไม่พบของผิดกฎหมาย ขณะที่เจ้าตัวโวยถูกกลั่นแกล้งจากการเมือง หวังต้องการให้ขาดคุณสมบัติ ลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีไม่ได้
ความคืบหน้าคดีจับนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ข้อหาคดีร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยที่การกระทำผิดนั้นยังมิได้กระทำลงไป วันนี้ (6 มี.ค.) เวลา 10.00 น.พ.ต.ท.ปรีชา อิ่มเจริญ รอง ผผก.ศสส.ภ.7 พร้อม พ.ต.ท.ยุทธชัย มีสายมงคล สว.ศสส.บก.ตร.กาญจนบุรี พร้อมตำรวจสืบสวน บก.ตร.กาญจนบุรี เกือบ 15 นาย นำหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรี 2 ใบเลขที่ มค.เลขที่ 89/2511 ค้นบ้านพักในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
ส่วนใบที่ 2 มค.เลขที่ 90/2551 ค้นที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 3 ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยที่แรกคณะตำรวจได้เดินทางเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 499/1 หมู่ 1 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นศูนย์โอทอปที่แสดงพลอย ที่เป็นบ้านพักของ นายสุรศักดิ์ รัตนดำรงชาติ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ่อพลอย ผู้ต้องหาคดีร่วมกันใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยที่การกระทำผิดนั้นยังมิได้กระทำลงไป
โดย นายสุรศักดิ์ อยู่ในบ้านและได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ก่อนที่ตำรวจจะมาเชิญตัวในตอนเช้าวันนั้นตนได้ออกไปกินกาแฟกับเพื่อนก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่ร้านประมาณ 09.00 น.มีตำรวจมาสั่งกาแฟกินแล้วก็ถามหาตัวนายกฯ ว่า ใครรู้จักนายกสุรศักดิ์ บ้าง ตนก็บอกเขาว่า ตนคือนายกสุรศักดิ์
จากนั้นเขาก็แสดงบัตรประจำตัวตำรวจ และยื่นหมายจับให้ตนดู ตนก็เข้าใจในเนื้อหาเขาบอกว่าขอเชิญตัวไปที่กองกำกับหน่อย เขาบอกให้เกียรติท่านนายกฯ แต่ตนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อย่างไร ตนก็บอกเขาว่า ตนพร้อมที่จะตอบทุกเรื่องทั้งเรื่องงานและเรื่องต่างๆ ตนก็ไม่ปฏิเสธก็ให้ความร่วมมือว่าไปก็ไป เขาก็พาไปที่ตำรวจภาคที่นครปฐม ในระหว่างทางตนปวดท้องก็แวะที่กำแพงแสน แล้วก็ไปต่อถึงที่ภาค 7
“พอไปถึงก็ดื่มกาแฟและพูดคุยกันธรรมดา และก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาบอกว่า ผู้บัญชาการขอพบหน่อย ผมก็บอกได้ครับ เสร็จแล้วก็ไปผู้บัญชาการ แป๊บหนึ่งไม่นานประมาณ 10 นาที ท่านผู้บัญชาการบอกว่าขอแถลงข่าวหน่อย ผมถามท่านผู้บัญชาการว่าต้องแถลงด้วยหรือคดีนี้ ผู้บัญชาการบอกขออนุญาตนิดหนึ่งขอให้ท่านายกฯ ให้ความร่วมมือนิดหนึ่ง ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ผมไม่ขัดข้อง วงข่าวออกมาผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะไม่โอกาสให้สัมภาษณ์”
นายกเทศบาลตำบลบ่อพลอย กล่าวต่อว่า จนถึงตอนนี้ตนยังไม่รู้ว่าคดีนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ต้นสายปลายเหตุเป็นอย่างไร ไม่รู้ไม่ทราบเลยว่าเป็นอย่างไรมาก่อน จนกระทั่งเดินทางกลับมาถึงบ้านถึงได้รู้ว่า มันมีมือปืนไปมอบตัวว่าตนไปสมรู้ร่วมคิดจ้างวานมือปืนเพื่อไปทำร้ายชีวิตคน ซึ่งตนคิดว่าคดีแบบนี้มีด้วยหรือ ที่ไปไม่รู้เรื่องคดี แต่ที่ไปเขาแจ้งไว้เสร็จว่า สมรู้ร่วมคิดจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เราไม่รู้ว่าเรื่องอย่างไร ว่าเขาจับกันอย่างไร หรือว่ามีการยิงกันแล้วหรือเปล่า
“ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ ผมไม่มีอะไร แต่ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความกรุณา ผมไม่ได้ให้ปากคำเพราะผมยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกิดจากอะไร ผมขออนุญาตกลับไปบ้านก่อนเพื่อให้รู้ว่าเกิดอะไร จนมาถึงบ้านจึงรู้เรื่องว่าคดีจ้างวานให้ยิง นายประเสริฐ ผมมารู้ที่บ้านนี่เอง มือปืนก็ไม่รู้จักมาก่อน เมื่อวานนี้ไม่ได้เห็นหน้าใครไม่เจอใครในคดีเลย เขาก็ไม่ได้ให้ผมดูเอกสารอะไร ไปเสร็จก็กลับ คดีนี้ผมจึงขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาก่อน เพราะไม่รู้ว่าคดีเกิดจากสาเหตุใด และเมื่อถึงบ้านจึงรู้ว่ามือปืนไปมอบตัวและปรักปรำว่าผมเป็นผู้จ้างวาน ผมโดนกลั่นแกล้ง”
นายกสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้ยินข่าวมา 2-3 สัปดาห์แล้ว แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะมารูปแบบไหน ตนก็นึกว่าจะมาเรื่องระเบียบการบริหารต่างๆ หรือไม่ ตนก็นึกว่าเราคงไม่พลาดเพราะเราทำงานยึดระเบียบกฎหมายเป็นหลักมาตลอด 8 ปี 9 ปีที่ผ่านมาไม่ว่าใครเป็นลูกน้องหรือว่าบริวารทั้งหมด
“ผมบอกว่า ต้องใช้หลักกฎหมายทั้งหมดเป็นหลักต้องยึดไว้ เราจะทำอะไรที่นอกเหนือจากนั้นไม่ได้ เพราะถ้าผิดไปก็ผิดกฎหมาย ผมบอกว่าผมยังอยากเป็นนายกอยู่ ยังไม่อยากให้เจอะคดีแบบนี้ เรื่องนี้คนของผมไปได้ยินมาว่ามีการวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรก็ได้ทุกวิถีทางที่ทำให้ผมหมดสมาชิกภาพในการลงรับสมัครเลือกตั้งนายกจะเป็นต้องคดีต้องอะไรซักอย่าง ซึ่งผมได้บอกกับเจ้าหน้าที่ทั้งเลขาทั้งพนักงานทุกคนว่าต่อจากนี้ต่อไปห้ามทำอะไรที่นอกเหนือจากระเบียบกฎหมาย ทุกอย่างให้ยึดขั้นตอนตามกฎหมายการเบิกจ่ายต้องยึดให้ถูกทุกขั้นตอน
เพราะขณะนี้กำลังถูกจับจ้องและถูกกลั่นแกล้งอยู่ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องออกบริการชุมชนที่จัดประจำทุกปีก็ถูกกล่าวหาว่าใช้งบประมาณราชการไปหาเสียงหรือเปล่า ผมทำมาอย่างต่อเนื่อง การประกวดราคาการคำนวณราคาการสอบราคาผมทำถูกขั้นตอนระเบียบกฎหมายหมด ถ้าลุกน้องทำผิดก็ว่าไปตามผิดผมไม่เคยเอื้อเฟื้อให้ใครหรือพรรคพวกทำด้วยดีตลอดมา แต่ว่าการเลือกตั้งมันรุนแรง”
นายกสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนพูดแบบเปิดอกเลยก็ได้ว่ามันมีข่าวออกมาว่า นายกมันโตเกินไป ตอนนี้มันไม่ยอมขึ้นกับใคร การเลือกตั้งทุกครั้งไม่ว่าสภาใหญ่สภาเล็ก นายกฯชี้ไปทางไหนมันก็จะไปตรงนั้นหมด คนในพื้นที่ก็จะฟังนายก ฉะนั้น จะต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้มันเป็นนายกให้ได้คนๆ นี้ ซึ่งตนฟังก็มานึกว่าตนไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ตนไม่เคยคิดที่จะไปเบียดเบียนใครหรือไปทำให้ใครเดือดร้อน แต่ว่าการเลือกตั้งโดยธรรมชาติของมนุษย์มันต้องมีพวกบ้าง ถ้าพวกกันลงรับสมัครหรือคนที่เคารพนับถือลงสมัครเราก็ต้องช่วย แต่ต้องช่วยด้วยเหตุด้วยผลไม่ใช่ช่วยอย่างผิดกฎหมาย
“ผมเป็นนายกต้องไปไฮปาร์กหาเสียงให้เดินเต็มหน้าตลาดจนถึงท้ายตลาด อย่างชาวบ้านถามผม ผมก็บอกว่าด้วยส่วนตัวไม่ใช่ตำแหน่งนายกน่ะ ผมว่าคนนี้เป็นคนดี เป็นเรื่องความคิดส่วนตัว เรื่องนี้มันมีคนๆเดียวที่จะดำเนินการ และมันมีหลายคนที่จะช่วยเหลือดำเนินการวางแผนจัดฉากกลั่นแกล้งผมพอสมควร เพราะที่ได้รับทราบมาว่าพักหลังมีข้าราชการส่วนหนึ่งไปนั่งอยู่ที่นั่งประจำ นักการเมืองส่วนหนึ่งไปนั่งอยู่ที่นั่นประจำ ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยชื่อแต่เป็นข้อมูลที่ผมได้รับมา การกลั่นแกล้งมีมาตลอด 3-4 เดือนที่ผ่านมา 4 เดือน 5 เดือนที่ผ่านมามีมาตลอดจะมีตลอด เราไม่หวั่นไหว เรายึดมั่นว่าเราทำงานให้พี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่ถูกต้องมาตลอด ไม่สนใจคำใส่ร้ายต่าง”
ด้วยเหตุนี้จนถึงปัจจุบันจะถึงวันเลือกตั้ง ในวันที่ 5 เมษานี้ก็จะเข้า 60 วันที่ทำกิจกรรมอะไรไม่ได้ และจะหมดวาระในวันที่ 6 มิถุนา หมดวาระและหากคำนวณประมาณไว้เดือนกรกฎาก็จะเลือกตั้ง ผมบอกทุกคนว่าให้เร่งทำงานให้จบๆ ไป และเมื่อหมดวาระก็ลงเลือกตั้ง ถ้าเราเข้ามาก็ทำงานต่อ แต่หากเราตกก็จบกัน แต่ผมขอบอกว่าผมเป็นคนนิสัยอย่างไร ผมยังไม่รู้ว่าใครทำอะไร อย่างไรก็ตามตามหลักความจริง มีหรือที่มือปืนไปมอบตัวพร้อมเงินที่อ้างว่าผมจ้างขณะที่ยังไม่ได้ลงมือทำงาน ผมยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ก็พูดได้เท่านี้” นายกสุรศักดิ์ กล่าว
หลังจากนั้น นายสุรศักดิ์ ได้นำตำรวจเข้าตรวจค้นภายในบ้านพักที่ศูนย์พลอยโอทอปและที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 3 ต.ช่องด่าน ทั้งสองแห่งไม่พบของผิดกฎหมายเจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกการตรวจค้นและเดินทางกลับ