ศูนย์ข่าวศรีราชา - กลุ่มเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พื้นที่จังหวัดระยอง ร่วมจัดเวทีปราศรัยย่อยตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ความรู้ประชาชนด้านสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบ
นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวหลังจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านฉาง กลุ่มคนระยองรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มรักษ์แม่น้ำคู้ปลวกแดง และกลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อมมาบตาพุด จัดกิจกรรมระดมทุนหารายได้ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม โดยจัดเวทีปราศรัยย่อยตามอำเภอต่างๆ ในจังหวัดระยอง
การจัดกิจกรรมครั้งนี้เพื่อเป็นการปลุกเร้าประชาชนให้ทราบถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการพัฒนาของรัฐ และการสร้างองค์ความรู้ในการเฝ้าระวังมลพิษจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ที่มีปัญหาและผลกระทบต่อประชาชนอย่างต่อเนื่อง และไม่มีที่สิ้นสุด
ทางกลุ่มเครือข่ายได้ประสานกับนักวิชาการ มาให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ อาทิเช่น ความรู้เรื่องสารพิษในกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเคมี, อุตสาหกรรมถลุงเหล็ก, การกลั่นน้ำมัน, การผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหิน การเฝ้าระวังป้องกันตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรงในท่ามกลางมลพิษ การเฝ้าติดตาม นโยบาย โครงการ กิจกรรม ของรัฐที่จะมาลงในพื้นที่
กรณีเช่นการขยายนิคมเหมราช ซึ่งจะมีโรงงานถลุงเหล็กของบริษัทข้ามชาติจากสิงคโปร์ และจีน มาเปิดดำเนินการที่นี่ในพื้นที่ 3,000 ไร่ เหนืออ่างเก็บน้ำดอกกราย ซึ่งอ่างน้ำนี้นอกจากใช้ในการอุตสาหกรรมแล้ว ยังได้ใช้เป็นน้ำดิบทำประปาหล่อเลี้ยงคนระยองและพัทยาด้วย ซึ่งการจะมีโรงถลุงเหล็กมาตั้งอยู่ในทำเลที่ดูกันว่าไม่เหมาะสมอย่างนี้ สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนชาวอำเภอปลวกแดงเป็นอย่างมาก จึงได้รวมตัวกันออกมาเรียกร้องคัดค้านการที่จะมีโรงถลุงเหล็กในพื้นที่ โดยจัดเวทีปราศัยให้ความรู้ และ สร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
นายสุทธิ กล่าวต่อว่า โครงการดังกล่าวเพื่อต้องการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญ เพราะที่ผ่านมาการส่งเสริมอุตสาหกรรมแต่ขาดการมีส่วนร่วมที่แท้จริงของประชาชน ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และสุขภาพประชาชน รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง จนเป็นปัญหาสะสมมานานหลายสิบๆปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญรัฐบาลทุกยุคสมัยยังเดินหน้าส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบใดๆ นอกจากจะโฆษณาชวนเชื่อในตัวเลข GDP เพียงอย่างเดียว
ดังนั้น ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นทางภาคประชาชน จึงจำเป็นต้องออกมาใช้สิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญ เรียกร้องการสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วม และสร้างองค์ความรู้ให้เท่าทันการพัฒนาของรัฐควบคู่กันไป
