สุรินทร์ตั้ง กก.สอบเชือด “ส.อบจ.”ฉาวเจ้าตัวไหวทันชิงลาออก

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- จังหวัดสุรินทร์ ตั้งกรรมการสอบเชือด “ส.อบจ.” ถูกร้องเรียนเรื่องฉาวมีส่วนได้เสียในสัญญาซื้อขายกับ อบจ.สุรินทร์ เผยขายน้ำดื่มที่ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการให้อบจ. ด้านเจ้าตัวชิงลาออกจากแล้ว แต่การสอบสวนเอาผิดตามกม.ยังเดินหน้าต่อไป

วันนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดสุรินทร์ว่า จังหวัดสุรินทร์ โดยนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อเสนอความเห็นประกอบคำวินิจฉัย กรณีเรื่องร้องเรียนนางชนมณี จารุธนิตกุล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) สุรินทร์เขต 1 อ.ท่าตูม ซึ่งมีการส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

โดยกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุรินทร์ โดยได้ขายน้ำดื่ม ที่ตัวเองเป็นเจ้าของกิจการ ให้กับ อบจ.สุรินทร์ ตามใบสั่งซื้อเลขที่ 54/2549 ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2549 อันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา11 แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ.ศ. 2540 และแก้ไขเพิ่มเติม ทางจังหวัดสุรินทร์จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการตาม มาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2536

ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ดังกล่าวประกอบด้วยกรรมการ 5 คน มี นายนรชัย จารุธนิตกุล ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานกรรมการสอบสวน

นายนรชัย ภาควรรธนะ ท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ จะเดินหน้าสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไปเพื่อให้ได้ความจริง แม้หนังสือร้องเรียนกรณีดังกล่าวนั้น ไม่ได้ระบุชื่อผู้ร้องเรียนเพราะไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ามีการกระทำอย่างที่มีการร้องเรียนเกิดขึ้นจริงหรือไม่ รวมทั้งล่าสุดนางชนมณี จารุธนิกุล ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นหนังสือลาออกจากการส.อบจ.สุรินทร์ มีผลตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่การสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายก็ต้องเดินหน้าต่อไป

ทางด้านนางชนมณี จารุธนิกุล ผู้ถูกกล่าวหา เคยชี้แจงกรณีดังกล่าวต่อสภา อบจ.สุรินทร์ ว่า ตนถูกกลั่นแกล้งจากนักการเมืองด้วยกัน เพื่อหวังทำลายไม่ให้ได้เกิดในทางการเมือง ทั้งที่ผ่านมาได้ทำความดีมาตลอด แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าความดีที่ทำนั้นจะได้รับคำตอบแทนอย่างนี้ และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องทำกันแรงถึงขนาดนี้ จึงขอสาปแช่งและขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจังหวัดสุรินทร์ได้ลงโทษคนที่ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของตนและวงศ์ตระกูล และขอให้ผู้กระทำการกลั่นแกล้งตน มีอันเป็นไป