อุดรธานี - เผยผลสำรวจวัดระดับไอคิว เด็ก จ.อุดรธานีปี 2550 พบมีระดับไอคิว 90-95 เผยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน แนะรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีน หรืออาหารทะเล อย่างเพียงพอ จะช่วยทำให้เด็กไอคิวดีขึ้นได้
นายแพทย์สัญชัย ปิยะพงษ์กุล สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจวัดระดับไอคิวของเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 6-11 ปี ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา พบว่า มีระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 90-95 ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เพราะตามปกติ เด็กฉลาดควรมีระดับไอคิวตั้งแต่ 110 ขึ้นไป
ส่วนปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เด็ก มีระดับไอคิวสูง เฉลียวฉลาด มี 3 ประการคือ กรรมพันธุ์ อาหาร และการเลี้ยงดู ซึ่งในส่วนของกรรมพันธ์ นั้น เราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่อาหาร และการเลี้ยงดู สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพราะอาหารที่ทำให้เด็กไอคิวดี มีความเฉลียวฉลาด คือสารอาหารประเภทไอโอดีน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กได้รับสารไอโอดีน อย่างเพียงพอ
กระทรวงสาธารณสุขได้เน้น ให้บริโภคอาหารทะเล ซึ่งมีสารไอโอดีน สูง และบริโภคเกลือเสริมไอโอดีน ซึ่งตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือ เกลือ 1 กิโลกรัม ต้องมีไอโอดีน ผสมอยู่ 30 มิลิกรัม ก่อนซื้อเกลือมาบริโภคทุกครั้งควรอ่านฉลากข้างซอง เพื่อดูปริมาณ ไอโอดีน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีกล่าวเพิ่มเติมว่า การขาดสารไอโอดีน นอกจากจะทำให้เด็กปัญญาอ่อน และไอคิวต่ำแล้ว ยังทำให้เด็กมีอาการเซื่องซึม เหนื่อยง่าย ความดันต่ำ ผู้ขาดสารไอโอดีน จะเป็นโรคคอพอก ดังนั้นการป้องกันปัญหา ไอคิวต่ำในเด็ก ควรส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ และเด็กรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีนสูง คือ อาหารทะเล และควรใช้ เกลือไอโอดีน ปรุงอาหารเพื่อรับประทาน
นายแพทย์สัญชัย ปิยะพงษ์กุล สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจวัดระดับไอคิวของเด็กวัยเรียนอายุระหว่าง 6-11 ปี ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา พบว่า มีระดับไอคิวอยู่ระหว่าง 90-95 ซึ่งอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เพราะตามปกติ เด็กฉลาดควรมีระดับไอคิวตั้งแต่ 110 ขึ้นไป
ส่วนปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เด็ก มีระดับไอคิวสูง เฉลียวฉลาด มี 3 ประการคือ กรรมพันธุ์ อาหาร และการเลี้ยงดู ซึ่งในส่วนของกรรมพันธ์ นั้น เราไม่สามารถแก้ไขได้ แต่อาหาร และการเลี้ยงดู สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพราะอาหารที่ทำให้เด็กไอคิวดี มีความเฉลียวฉลาด คือสารอาหารประเภทไอโอดีน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กได้รับสารไอโอดีน อย่างเพียงพอ
กระทรวงสาธารณสุขได้เน้น ให้บริโภคอาหารทะเล ซึ่งมีสารไอโอดีน สูง และบริโภคเกลือเสริมไอโอดีน ซึ่งตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือ เกลือ 1 กิโลกรัม ต้องมีไอโอดีน ผสมอยู่ 30 มิลิกรัม ก่อนซื้อเกลือมาบริโภคทุกครั้งควรอ่านฉลากข้างซอง เพื่อดูปริมาณ ไอโอดีน
นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีกล่าวเพิ่มเติมว่า การขาดสารไอโอดีน นอกจากจะทำให้เด็กปัญญาอ่อน และไอคิวต่ำแล้ว ยังทำให้เด็กมีอาการเซื่องซึม เหนื่อยง่าย ความดันต่ำ ผู้ขาดสารไอโอดีน จะเป็นโรคคอพอก ดังนั้นการป้องกันปัญหา ไอคิวต่ำในเด็ก ควรส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์ และเด็กรับประทานอาหารที่มีสารไอโอดีนสูง คือ อาหารทะเล และควรใช้ เกลือไอโอดีน ปรุงอาหารเพื่อรับประทาน