ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แกนนำ 18 องค์กรเครือข่ายพร้อมสมัชชาประชาชนภาคอีสาน จ.บุรีรัมย์ รวมตัวกันแถลงประกาศจุดยืนไม่ขวาง “แม้ว” กลับประเทศมาสู้คดี แต่จะจับมือกับพันธมิตรฯ ออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมในทุกรูปแบบ หากมีการแทรกแซงกระบวนยุติธรรม หรือแทรกแซงสื่อไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรม หรือสร้างความวุ่นวายแก่ประเทศชาติบ้านเมือง
ช่วงเย็นวานนี้ (27 ก.พ.) ตัวแทน 18 องค์กรเครือข่าย ในจ.บุรีรัมย์ ประกอบด้วยชมรมคนรักษ์สตึก มวลชนคนหนองกี่ ยามเฝ้าแผ่นดินบุรีรัมย์ องค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ มวลชนคนหนองหงส์ ชมรมสื่อเพื่อการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น กลุ่มรักษ์ลุ่มน้ำมูล ชมรมคนรักษ์ถิ่นตำบลร่อนทอง ชุมนุมสหพันธ์สตรีอีสานใต้ กลุ่มเกษตรอินทรีย์บุรีรัมย์ ชมรมทหารกองหนุน ชมรมคนรักษ์กระสัง พลังแผ่นดิน ชมรมผู้เลี้ยงไก่ชนพื้นบ้าน มวลชนคนรักษ์ลำปลายมาศ มวลชนคนนางรอง สมัชชาเกษตรกรภาคอีสาน กลุ่มรักษ์บุรีรัมย์ พร้อมด้วยสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์
ได้ร่วมกันแถลงข่าวที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อประกาศเจตนารมณ์ไม่ต่อต้านการเดินทางกลับประเทศเพื่อสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่จะร่วมกันต่อต้าน เปิดโปง การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอดีตนายกรัฐมนตรี ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมา เหมือนกับผู้ต้องหาที่ต้องคดีความทั่วไป
ทั้งนี้ เพราะเกรงว่ากลุ่มผู้มีอำนาจ ภาคราชการ รวมทั้ง ส.ส. และรัฐมนตรี ที่สังกัดพรรคพลังประชาชน (พปช.) ซึ่งมีเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรรม ซึ่งจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อภาคประชาชนโดยรวม ทั้งขอให้ยึดกติกาทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้ง
นางสำเนียง สุภัณพจน์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า หากการกลับมาสู้คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้ได้มีการแทรกแซงกระบวนยุติธรรม หรือแทรกแซงสื่อไม่ก่อให้เกิดความเป็นธรรม หรือสร้างความวุ่นวายแก่ประเทศชาติบ้านเมือง ทั้ง 18 องค์กรเครือข่ายก็จะจับมือกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมในทุกรูปแบบ
ด้าน นายประเสริฐ เลิศยะโส ประชาสัมพันธ์สมัชชาประชาชนภาคอีสานบุรีรัมย์ กล่าวว่า กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยมาสู้คดีนั้น ถึงแม้จะเคยเป็นผู้นำประเทศแต่ในทางกฎหมายก็ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายไม่ควรถืออภิสิทธิ์พิเศษเหนือกว่าประชาชนทั่วไป เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เช่นเดียวกับที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 ทุกคนต้องถือปฏิบัติตามเช่นกัน
ทางด้าน นายศรีเมือง วัฒนาชีพ เครือข่ายพลังแผ่นดินบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางกลับมาสู้คดี ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะอดีตนายกฯ เคยต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในหลายกรรมหลายวาระ ซึ่งมีการกระทำหรือกล่าวโทษจาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูง
ดังนั้น เมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยแล้วก็ควรจะมีการกระทำที่เป็นรูปธรรมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ประกาศตัวเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ก็ขอให้มีนโยบาย มีแนวคิด และมีการกระทำที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ด้วย