xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบางคล้าบุกพบโยธา-ผังเมือง-อุตฯ จังหวัด ต้านโรงไฟฟ้าพลังก๊าซ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตัวแทนเกษตรกรชาวบางคล้า บุกยื่นหนังสือคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ ต่อหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 3 แห่ง หวังสกัดกั้นการก่อสร้างผุดโรงไฟฟ้าของภาคเอกชน ระบุที่ผ่านมาชาวบ้านแปดริ้วสูญเสียทรัพยากรในพื้นที่มหาศาลมามากพอแล้ว หวั่นส่งผลกระทบต่อคนพื้นที่ในระยะยาว

ตัวแทนชาวบ้าน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ประมาณ 15 คนได้เดินทางมารวมตัวยังบริเวณชั้นล่าง อาคารศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทราหลังใหม่ ขอเข้าพบหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต่อการอนุญาตการก่อต้องโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา รวม 3 หน่วยงานประกอบด้วยหัวหน้าสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด, อุตสาหกรรมจังหวัด และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด

หลังจากมีบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนกำลังจะมีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานจากก๊าซธรรมชาติเกิดขึ้นในพื้นที่ ม.4 ต.เสม็ดใต้ และ ม.5 ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีแนวสายไฟฟ้าแสงดันสูงขนาดใหญ่ ของ กฟผ.โยงพลาดผ่านพื้นที่

โดย นายธีระ วนิชย์ถนอม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ม.4 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร กล่าวว่า ที่ชาวบ้านออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้เพื่อต้องการเข้ามายื่นหนังสือคัดค้าน การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติของบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่ได้เข้ามากว้านซื้อที่ดินเพื่อที่จะเข้ามาทำการก่อสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าขายในเชิงพาณิชย์ ที่นายทุนจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์แต่จะมีผลเสียกระทบต่อชาวบ้านในระยะยาว

โดยเฉพาะการที่จะเข้ามาแย่งน้ำจากการประกอบอาชีพของเกษตรกร เพื่อนำไปเป็นน้ำหล่อเย็นถึงวันละกว่า 5 หมื่นกว่าคิวบิก (ลูกบาศก์เมตร) และในขบวนการผลิตจะมีน้ำสูญเสียไปในอากาศ เป็นไอน้ำมากถึงวันละกว่า 4 หมื่นลูกบาศก์เมตร และไอน้ำร้อนที่ระเหยสูญเสียไปนั้น จะไปทำลายชั้นบรรยากาศ เมฆฝนจะไม่ตกต้องตามฤดูกาล สารพิษต่างๆ ที่เจือปนไปในอากาศ โดยเฉพาะก๊าซคาบอนไดออกไซด์ ซึ่งจะเป็นตัวทำให้เกิดฝนกรด เมื่อฝนตกลงมาจะชะล้างลงมาสู่เทือกสวนไร่นา ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของพวกเราชาวบ้าน

ต่อไปมะม่วง มะพร้าวน้ำหอม ผลผลิตทางการเกษตรที่มีชื่อเสียงของจังหวัดก็จะไม่มีให้ได้รับประทานแล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำลายต้นไม้ ทำลายอาชีพของพวกเรา นั่นหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรอันมีค่าของลูกหลานในอนาคต พวกเราจึงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นภัยร้ายแรง ไม่ใช่แค่เฉพาะชาวแปดริ้วอย่างเดียว แต่รวมถึงชาวภาคตะวันออกที่อยู่ในลุ่มน้ำบางปะกง และใกล้เคียงที่ใช้น้ำร่วมกันนี้ด้วยก็จะได้รับสารพิษนี้ด้วยเช่นกัน พวกเราจึงมองแล้วว่ามันไม่มีผลดีต่อคนในพื้นที่เลย

ในการที่นายทุนได้ผลประโยชน์ ผลกำไรจากการขายไฟฟ้าเพียงเฉพาะกลุ่มคนไม่กี่คน แต่การที่จะกอบกู้ให้สิ่งแวดล้อมกลับคืนมาให้ดีดังเดิมนั้น อาจต้องใช้เงินจำนวนมากมหาศาลนับหมื่นนับแสนล้าน แต่ก็อาจจะไม่กลับคืนมาดีอย่างเดิมได้ มันเป็นการแย่งเอาผลประโยชน์จากประชาชนไป

อย่างกรณีการก่อสร้างเขื่อนทดแม่น้ำบางปะกงนั้น ที่ผ่านมาได้รับความเสียหายไปจำนวนมหาศาล ใช้งบประมาณการก่อสร้างไปหลายพันล้านบาท แต่เราไม่เคยได้รับประโยชน์จากการก่อสร้างเขื่อนทดแม่น้ำบางปะกงนี้เลย มีแต่ก่อปัญหาให้ทำน้ำเน่าเสีย

“ชาวแปดริ้วเป็นเจ้าของทรัพยากร แต่การที่จะได้น้ำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพนั้น เราได้ประโยชน์น้อยมาก แต่กลับมีบริษัทเอกชนเข้ามาฉวยโอกาส เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ สูบน้ำส่งไปขายให้กับภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดอื่นๆ ทั้ง จ.ชลบุรี ระยอง เช่น ที่มาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมที่มีโรงงานต่างๆ ที่ต้องการใช้น้ำจำนวนมหาศาล คนแปดริ้วเสียผลประโยชน์มามากพอสมควรแล้ว เราจึงขอคัดค้าน” นายธีระ กล่าว

ด้าน นายบรรจง เจียระพงษ์ อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา นายอดิศักดิ์ กาญจนสาขา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัด และตัวแทนจากสำนักงานโยธาธิการ และผังเมืองจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกมารับหนังสือพร้อมรายชื่อผู้ร่วมคัดค้านกว่า 6,000 รายชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับ จ.ฉะเชิงเทรานั้นมีโรงไฟฟ้าบางปะกง ที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ มีกำลังการผลิตสูงที่สุดในประเทศ 3,674.6 เมกะวัตต์อยู่แล้วหนึ่งแห่ง และยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมชุดที่ 5 กำลังการผลิต 725 เมกะวัตต์เพิ่มเติมอีกหนึ่งชุด โดยใช้เงินทุนรัฐบาลที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี 16,740 ล้านบาท และมีกำหนดส่งจ่ายไฟฟ้าขายเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนมีนาคม 2552 นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น