กาฬสินธุ์ -กกต.เมืองน้ำดำ จัดให้ผู้สมัครกล่าวคำปฏิญาณตนร่วมกันจัดการเลือกตั้งให้ยุติธรรม-โปร่งใส ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ขณะที่ผู้สมัครหวั่นการสวมรอยจ้างอาสาสมัครหาเสียงจำนวนโอเวอร์เป็นการซื้อเสียงแทน
ช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.พ.) ที่หอประชุมธรรมาภิบาล เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นายประสิทธิ์ คชโคตร ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลและนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส ปราศจากการซื้อสิทธิ ขายเสียง และชี้แจงกฎระเบียบในการเลือกตั้ง
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งประเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ขึ้น เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส ปราศจากการซื้อสิทธิ์ ขายสียงให้มากที่สุด
โครงการดังกล่าวยังได้ให้ผู้สมัครทุกคนร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน ในการไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกฎหมาย ข้อระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนอีกด้วย
โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง โดยผู้สมัครสมาชิกสภาแต่ละคนใช้จ่ายเงินได้ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนผู้สมัครนายกใช้จ่ายได้ไม่เกินคนละ 600,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมได้มีผู้สมัครหลายคนได้ยกมือซักถามเจ้าหน้าที่ ในกรณีหากมีผู้สมัครได้ว่าจ้างอาสามัครจำนวนมาก เพื่อมาช่วยในการหาเสียง ซึ่งเกรงว่าอาจจะใช้โอกาสดังกล่าวเป็นการซื้อเสียงแทนการจ้างมาช่วยหาเสียง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ กกต.ระบุว่า การจ้างอาสาสมัครมาช่วยหาเสียงจำนวนมากนั้น หากไม่สะดวกก็ให้ตัวแทนเป็นคนรับเงิน หรือเซ็นเอกสารรับเงินคนเดียวก็ได้
นายประทีป ชาญสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ได้ชี้แจงว่า เรื่องการจ้างอาสามัครมาช่วยในการหาเสียงของผู้สมัครนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากได้ทำความเข้าใจและได้กำชับผู้สมัครในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว โดยผู้สมัครทุกคนที่ใช้จ่ายเงินจะต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานในการจ่ายเงินให้ครบตามที่จ่ายเงินไป เพื่อเป็นการป้องกันการร้องเรียน เช่น หากมีการจ้างอาสามัครมาช่วยในการหาเสียง 100 คน ผู้สมัครจะต้องถ่ายเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่รับเงิน และชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ด้วย
ช่วงเช้าวันนี้ (13 ก.พ.) ที่หอประชุมธรรมาภิบาล เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ นายประสิทธิ์ คชโคตร ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานเปิดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลและนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดขึ้น
ทั้งนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส ปราศจากการซื้อสิทธิ ขายเสียง และชี้แจงกฎระเบียบในการเลือกตั้ง
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งประเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์จัดโครงการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ขึ้น เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และโปร่งใส ปราศจากการซื้อสิทธิ์ ขายสียงให้มากที่สุด
โครงการดังกล่าวยังได้ให้ผู้สมัครทุกคนร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณตน ในการไม่กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงกฎหมาย ข้อระเบียบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนอีกด้วย
โดยเฉพาะการใช้จ่ายเงินในการเลือกตั้ง โดยผู้สมัครสมาชิกสภาแต่ละคนใช้จ่ายเงินได้ไม่เกิน 200,000 บาท ส่วนผู้สมัครนายกใช้จ่ายได้ไม่เกินคนละ 600,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมได้มีผู้สมัครหลายคนได้ยกมือซักถามเจ้าหน้าที่ ในกรณีหากมีผู้สมัครได้ว่าจ้างอาสามัครจำนวนมาก เพื่อมาช่วยในการหาเสียง ซึ่งเกรงว่าอาจจะใช้โอกาสดังกล่าวเป็นการซื้อเสียงแทนการจ้างมาช่วยหาเสียง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ กกต.ระบุว่า การจ้างอาสาสมัครมาช่วยหาเสียงจำนวนมากนั้น หากไม่สะดวกก็ให้ตัวแทนเป็นคนรับเงิน หรือเซ็นเอกสารรับเงินคนเดียวก็ได้
นายประทีป ชาญสมัย ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ได้ชี้แจงว่า เรื่องการจ้างอาสามัครมาช่วยในการหาเสียงของผู้สมัครนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากได้ทำความเข้าใจและได้กำชับผู้สมัครในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว โดยผู้สมัครทุกคนที่ใช้จ่ายเงินจะต้องรวบรวมเอกสารหลักฐานในการจ่ายเงินให้ครบตามที่จ่ายเงินไป เพื่อเป็นการป้องกันการร้องเรียน เช่น หากมีการจ้างอาสามัครมาช่วยในการหาเสียง 100 คน ผู้สมัครจะต้องถ่ายเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่รับเงิน และชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ด้วย
