ตำรวจรวบโจ๋อุดรฯขโมยจักรยานยนต์หาเงินเล่นเกม

อุดรธานี -ตำรวจอุดรธานี รวบโจ๋วัย 15 ปี คิดสั้นหาเงินเล่นเกมออนไลน์ ด้วยการขโมยรถจักรยานยนต์มากว่า 20 คัน ท้ายสุดไม่พ้นถูกตำรวจสืบสวนจนพบรถของกลาง รับสารภาพนำรถส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้าน

พล.ต.ต.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบก.ภ.จว.อุดรฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุดรธานี นำตัวนายต้น นามสมมติ อายุ 15 ปี ราษฎร ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดี “ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ในเวลากลางคืน” แถลงผลการจับกุม พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำส้ม ทะเบียน ขกน. 982 สกลนคร และป้ายทะเบียนรถ จยย.ทะเบียน ขนต 462 อุดรธานี

สืบเนื่องมาจาก วันที่ 21 พ.ย.2550 ที่ผ่านมา ได้มี นายไกรสน ผิวบุญเรือง อายุ 25 ปี เข้ามาแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่า มีคนขโมยรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำส้ม ทะเบียน ขกน982 สกลนคร ที่จอดไว้หน้าร้านเนื้อย่างเกาหลี ตรงข้ามห้างแม็คโคร ถ.นิตโย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี จากนั้น พ.ต.ท.กิตติพงษ์ นำชุดสืบสวนพิรุณ สภ.เมืองอุดรธานี ออกติดตามสืบสวนและแจ้งลักษณะรถ จยย.ไปยังจังหวัดใกล้เคียง

กระทั่งวานนี้ (12 ก.พ.) พ.ต.ท.กิตติพงษ์ ได้รับการประสานงานมาจาก สภ.บ้านเดื่อ อ.เมือง จ.หนองคาย ว่า ได้ตรวจยึดรถ จยย.คันดังกล่าว และควบคุมตัวผู้ขับรถคันดังกล่าวไว้ได้ จึงได้นำชุดสืบสวนพิรุณฯ เดินทางไปรับรถ จยย.พร้อมนำตัวนายต้น มาสอบสวนที่ สภ.เมืองอุดรธานี

จากการสอบสวน นายต้น ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองบ้านแตกสาแหรกขาด พ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับย่าที่บ้านหนองนาคำตั้งแต่เล็ก พอโตแม่รับไปเรียนหนังสือที่พัทยา จ.ชลบุรี จนจบ ป.5 แล้วส่งกลับมาอยู่กับย่าที่ จ.อุดรธานี ไม่ทราบว่าพ่อแม่อยู่ที่ไหน ตนได้ออกขโมยรถมาหลายคันแล้ว โดยจะขับรถที่ขโมยมา ไปขายให้นายโต อายุ 16 ปี ในราคาคันละ 4,000-7,000 บาท ตามสภาพรถ

นายต้น ให้การอีกว่า ก่อนหน้านี้ ได้ออกขโมยรถ จยย.ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี มาแล้ว 20 กว่าคัน ที่ตลาดเปิดท้ายหน้า รพ.ปัญญาเวช ใจกลางเมืองอุดรธานี ที่หน้า บขส.เก่า และที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ หลังจากขโมยรถ จยย.ได้แล้ว จะขับรถไปส่งนายโต ที่ จ.หนองคายโดยนายโต จะขับรถ จยย.ไปซ่อนไว้ในป่าละเมาะริมหาด

จากนั้นจะมีพ่อเลี้ยงของนายโต ชื่อ นายลัก อนุรักษ์ อาศัยอยู่ในประเทศ ส.ป.ป.ลาว นำเรือหางยาว ขับข้ามแม่น้ำโขงมารับนำไปขายในประเทศลาว แล้วจะจ่ายเป็นยาบ้าแทนเงินให้นายโต ให้นำไปขายให้กลุ่มวัยรุ่นในหนองคาย และอุดรธานี เงินที่ได้มานั้น ตนจะไปเล่นเกมต่อสู้ ทางอินเทอร์เน็ต แต่ครั้งที่ไปเล่นนั้นจะเสียเงินครั้งละ1,000 บาท และจะไปเล่นเกมเกือบทุกวัน เพราะติดเกมมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป