xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” แฉ 4 วิชามารโกงเลือกตั้ง “นายก อบจ.” โคราช-ซัดกลุ่มคนลึกลับบุก อบจ.กลางดึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - เลือกตั้งนายก อบจ.โคราช เดือด “ส.ส.สมเกียรติ” ซัดกลุ่มคนลึกลับบุกสำนักงาน อบจ.โคราช กลางดึก ทำการโจรกรรมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งพร้อมเลขที่บัตร ปชช.กว่า 1.8 ล้านรายชื่อ คาดเตรียมการซื้อเสียงครั้งใหญ่ในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมแฉ 4 วิชามาร โคตรโกงเลือกตั้ง คือ ซื้อเสียง-สร้างคะแนนผี-เปลี่ยนหีบบัตร และบัตรเลือกตั้งปลอม

วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ห้องประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.แบบสัดส่วนกลุ่มที่ 5 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีกลุ่มบุคคล 3-4 คน บุกเข้าไปในสถานที่ราชการ คือ ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่ในสำนักงาน อบจ.นครราชสีมา ตรงข้ามวัดสุทธจินดา ถ.ราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อทำการโจรกรรมเอกสารรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมาพร้อมหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ด้วยการถ่ายสำเนาเอกสารดังกล่าวไปทั้งหมด

สำหรับกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงใน อบจ.นครราชสีมา ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมพร้อมถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.เมืองนครราชสีมา

โดยการบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการดังกล่าวนั้น เชื่อว่า ทั้งหมดไปทำการโจรกรรมข้อมูลหน่วยเลือกตั้ง โดยมีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งถึง 1.8 ล้านคน พร้อมหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมาที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 ก.พ.นี้

“การเลือกตั้งครั้งนี้มีการต่อสู้แข่งขันกันรุนแรงมาก เพราะ อบจ.นครราชสีมา เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ใน 75 แห่ง ของประเทศ มีงบประมาณราวปีละ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นที่หมายปองของนักธุรกิจการเมือง และผู้รับเหมาในคราบนักการเมืองท้องถิ่น เมื่อมีแรงจูงใจต้องการชัยชนะ จึงจำเป็นต้องมีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้น” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับวิธีการโกงการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น มีอย่างน้อย 4 รูปแบบ คือ ซื้อเสียง, สร้างคะแนนผี, เปลี่ยนหีบบัตร เนื่องจากการนับคะแนนแต่ละอำเภอจะนำบัตรเลือกตั้งมานับรวมที่หน่วยเลือกตั้งเดียว และถ้าหากไม่ได้ผลก็ต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งปลอมเกิดขึ้น ดังเช่นเคยใช้ในการเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2548 ที่ผ่านมา ซึ่งทั้ง 4 วิธีการนี้จะทำได้ยากหากไม่มีบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนและหน่วยเลือกตั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องโจรกรรมข้อมูลเหล่านี้ให้มาอยู่ในฝ่ายของตนให้ได้

ประชาชนชาวโคราชต้องร่วมมือกันกดดันให้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดหลายกระทงกับบุคคลดังกล่าว คือ บุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล เอาทรัพย์สินราชการ ออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะที่ยามรักษาความปลอดภัยใน อบจ.นครราชสีมา ในคืนเกิดเหตุ ได้อ้างว่ามีผู้มีอำนาจสั่งการมา จึงต้องทำตามคำสั่งนั้น

“อยากทราบว่าเป็นคำสั่งของใคร และยามให้ใครเข้าไปในยามวิกาลบ้าง มีเจ้าหน้าที่ใน อบจ.รู้เห็นเป็นใจหรือไม่ และทำไมไม่ทำกันในเวลากลางวัน ทั้งนี้ การเลือกกระทำในยามวิกาลกลัวคนอื่นรู้เห็นในการกระทำผิดหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความผิดทางอาญาแผ่นดินทั้งสิ้น และจากวันนี้ไปเกรงว่ายามฯคนนี้จะหายตัวไป ซึ่งอาจจะทำให้ขาดพยานหลักฐานสำคัญในคดีโกงการเลือกตั้งครั้งนี้” นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, ประธาน กกต.และคณะกรรมการ กกต.จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้ลงมาคลี่คลายและชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้สังคมรับทราบ ส่วนตนเองจะทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรโดยการตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องดังกล่าวต่อไป

ด้าน นายอภิวัฒน์ พลสยม ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ อบจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ได้รับทราบเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ อดีต รอง นายก อบจ.นครราชสีมา และ ส.ส.เขต 4 นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) ได้เข้ามาในสำนักงาน อบจ. จึงได้พบเห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ใน อบจ.

จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง นายอนุวัฒน์ จึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบและได้แจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้นกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด

อย่างไรก็ตาม สถานที่ดังกล่าวนี้ได้มีการติดแสดงบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้บนป้ายกระดาน โดยติดไว้อย่างเปิดเผย ไม่ใช่เอกสารลับของทางราชการ และรายชื่อนี้ก็ติดไว้ตามที่ว่าการอำเภอทุกแห่งเพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบ ใครก็สามารถเข้ามาดูได้ แต่หากจะมีคนนำออกไปถ่ายเอกสารก็ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน อย่างไรก็ตามขอเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรายละเอียดก่อนจึงจะสามารถชี้แจงได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ก.พ.) นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ อายุ 46 ปี ส.ส.เขต 4 นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้เข้าแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมหลักฐานเอกสารที่เป็นต้นฉบับ และการถ่ายเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง นายก อบจ.นครราชสีมา หน่วยเลือกตั้งที่ 1-26 ต.จันทึก และ หน่วยเลือกตั้งที่ 29-48 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

โดยระบุในบันทึกประจำวัน ว่า ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี มีข้าราชการใน อบจ.นครราชสีมา วางตัวไม่เป็นกลาง มีพฤติกรรมนำเอกสารต้นฉบับบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ติดประกาศอยู่ใน สนง.อบจ.นครราชสีมา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปตรวจสอบรายชื่อมาถ่ายเอกสารสำเนาไว้ให้กับผู้สมัครนายก อบจ.รายหนึ่ง คาดว่ามีจุดประสงค์ เพื่อจะใช้ซื้อสิทธิขายเสียงซึ่งมีเจ้าหน้าที่อบจ.รู้เห็นเป็นใจร่วมกระทำผิดกับบุคคลภายนอก จึงลักลอบทำในช่วงหัวค่ำจนถึงเช้าตรู่มาแล้ว 5 วัน

แต่เมื่อแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบกลับเพิกเฉย ไม่ยอมดำเนินการตรวจสอบ จึงต้องเดินทางมาดูด้วยตัวเองที่ห้องทำงาน ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งนายกอบจ.นครราชสีมา ตั้งอยู่ภายใน สนง.อบจ.นครราชสีมา พบเจ้าหน้าที่ อบจ.และบุคคลภายนอก รวม 3 คน กำลังช่วยกันถ่ายเอกสารบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างมีพิรุธ เมื่อเห็นมีคนมาทั้ง 3 คน แสดงอาการตกใจและหยุดทำ แล้วรีบพากันเดินออกไปนอกห้องดังกล่าวทันที

ตนจึงนำเอกสารหลักฐานดังกล่าว ที่เย็บเป็นเล่มแล้วมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน หาผู้กระทำ และผู้สั่งการ เบื้องต้นทราบชื่อทั้ง 3 คนแล้วว่าเป็นใครและมีการสั่งการมาจากไหน ซึ่งการกระทำดังกล่าวที่มีพิรุธชัดเจนว่า ทำไมต้องมาทำก่อนถึงวันเลือกตั้งนายกอบจ.นครราชสีมาเพียง 4 วัน ทั้งๆ ที่บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด 4,248 หน่วยเลือกตั้งนั้นได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่อเค้าว่าการเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา ที่จะขึ้นในวันที่ 10 ก.พ.นี้จะไม่สุจริตเที่ยงธรรมและมีข้าราชการส่วนหนึ่งวางตัวไม่เป็นกลาง

อนึ่ง การเลือกตั้งนายกอบจ.นครราชสีมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 ก.พ.นี้ นับเป็นสนามการต่อสู้แข่งขันกันอย่างเข้มข้นและสูสีระหว่างผู้สมัคร 2 คน จากผู้สมัครนายอบจ.นครราชสีมาครั้งนี้ทั้งหมดเพียง 3 คน คือ “นพ.สำเริง แหยงกระโทก” ผู้สมัครหมายเลข 1 อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ที่ลงทุนลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.นครราชสีมาครั้งนี้โดยตรง กับ “นายวิทูร ชาติปฏิมาพงษ์” ผู้สมัครหมายเลข 2 อดีตนายกอบจ.นครราชสีมา สมัยล่าสุดซึ่งลาออกจากตำแหน่งก่อนหมดวาระเพียงไม่กี่เดือน เพื่อชิงความได้เปรียบคู่แข่งขันและตัดโอกาสคู่แข่งสำคัญอีกหลายคนที่ไปสมัคร ส.ส.ครั้งที่ผ่านมา ให้ไม่สามารถกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ได้ทัน
กำลังโหลดความคิดเห็น